ศูนย์ข่าวศรีราชา - มหาดไทย ลงพื้นที่จี้เมืองพัทยา เร่งแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยหลังพบสถานการณ์ส่อเค้าวิกฤต พร้อมเน้นมาตรการจัดระเบียบสังคมหวังพัฒนาสู่เมืองท่องเที่ยวระดับคุณภาพ
วันนี้ (16 ก.พ.) คณะทำงานประสานและติดตามการดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและภาพลักษณ์ในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำโดย พล.ต.ท.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่เมืองพัทยา เพื่อตรวจสอบสภาพปัญหาการจัดการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย ระบบบำบัดน้ำเสีย และการจัดระเบียบด้านการท่องเที่ยว
หลังได้รับคำสั่งตรงจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ให้ลงมาสำรวจข้อมูล และเสนอแผนแก้ไขในระยะเร่งด่วน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ปัจจุบันปัญหาเหล่านี้เริ่มส่อเค้าความรุนแรงมากขึ้น
โดยมี นายเชาวลิต แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายชนัฐพงศ์ ศรีวิเศษ ปลัดเมืองพัทยา ปฏิบัติหน้าที่นายกเมืองพัทยา นายนริศ นิรามัยวงศ์ นายอำเภอบางละมุง คณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
คณะดังกล่าวได้ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชน และสภาพปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอย บริเวณโรงพักขยะภายในซอยสุขุมวิท 3 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีประชาชนร้องเรียนว่า พื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นจุดพักขยะของเมืองพัทยา ประสบปัญหาขยะตกค้างเป็นปริมาณมากกว่า 3,000 ตัน มานานนับเดือน ซึ่งผลให้เกิดมลพิษทางด้านอากาศ และปัญหาน้ำเน่าเสียอย่างรุนแรง
ในโอกาสนี้ นายบุญมา ฝังรักษ์ ประธานชุมชนบ้านโรงไม้ขีด นำกลุ่มชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเมืองพัทยา เข้ามาจัดสร้างไว้เป็นจุดพักขยะซึ่งมีปริมาณกว่า 450 ตันต่อวัน มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่มาระยะหลังปรากฏว่า มีปัญหาขยะตกค้างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนสร้างมลพิษอย่างรุนแรง ซึ่งแม้ว่าจะร้องเรียนไปแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข กระทั่งชาวบ้านต้องทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะ คสช.เพื่อให้เข้ามาจัดการแก้ไขโดยด่วน
จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่จุดทิ้งขยะ 140 ไร่ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เมืองพัทยาได้จัดสร้างไว้ในเพื่อกำจัดขยะในระบบฝังกลบ ซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 มีปริมาณขยะสะสมกว่า 9.6 แสนตัน แต่ปัจจุบันพบว่า ได้ปิดการใช้งานไปก่อนหน้านี้กว่า 5 ปีแล้ว แม้จะยังเหลือพื้นที่ของการจัดเก็บอีกกว่า 30 ไร่ เนื่องจากถูกชาวบ้านในพื้นที่ต่อต้าน ด้วยพบว่าเกิดปัญหามลพิษทางกลิ่น และน้ำเน่าเสีย
ต่อมา ทางคณะจึงเดินทางไปตรวจสอบระบบการบำบัดน้ำเสีย ภายในพื้นที่โรงบำบัดซอยหนองใหญ่ ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีการดำเนินการบำบัดน้ำเสียเต็มระบบในอัตรา 6.5 หมื่น ลบ.ม./วัน และได้รับงบประมาณอุดหนุนในปี 60 จำนวน 37 ล้านบาท เพื่อขยายระบบให้เพิ่มขึ้นเป็น 9.5 หมื่น ลบ.ม./วัน ซึ่งจะสามารถรองรับปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกว่า 7.8 หมื่น ลบ.ม./วัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายจึงได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าของการจัดระเบียบบริเวณท่าเทียบเรือพัทยาใต้ (แหลมบาลีฮาย) ซึ่งปัจจุบันมีการทวงคืนพื้นที่สาธารณะ ขนาด 18 ไร่ คืนจากการยึดครองของกลุ่มผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวมานานรับ 10 ปี รวมทั้งการจัดระเบียบทางบก และทางทะเล ซึ่งมีผลการปฏิบัติที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม
พล.ต.ท.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ คณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา เดินทางเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับสภาพปัญหาในพื้นที่เมืองพัทยา กระทั่งมีคำสั่งให้คณะลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีปัญหาหลายด้านที่ต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขเร่งด่วน
โดยเฉพาะเรื่องของขยะมูลฝอย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รวมไปถึงเรื่องของการจัดระเบียบด้านการท่องเที่ยว และการทวงคืนพื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เมืองพัทยาเร่งหามาตรการแก้ไขอย่างจริงจังเพื่อลดความเดือดร้อน ทั้งการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น การจัดสรรงบประมาณลงมาดำเนินการในโครงการต่างๆ ขณะที่ทางคณะ หลังจากการสำรวจข้อมูลแล้วเสร็จก็จะได้นำข้อมูล และรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือต่อไป