แพร่ - ชาวบ้านในชุมชนนาพูน วังชิ้น ร่วมเรียกร้องสิทธิ์ให้สาวลาวสู้ชีวิต หลังสามีชาวแพร่ตาย ต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกคนโตผิดปกติมี 2 เพศในร่างเดียวไม่พอ ยังอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดลูกอีกคน แต่ฐานะยากจนไม่มีเงินไปโรงพยาบาล กรรมการหมู่บ้านทำเรื่องถึงจังหวัดฯ แล้ว แต่ยังไม่คืบ
วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงเรื่องราวการสู้ชีวิตของครอบครัวนางกิ่งแก้ว สุขแสง อายุ 38 ปี สาวชาวลาวจากเมืองวาปี แขวงสาละวัน สปป.ลาว ที่มามีครอบครัวอยู่ในจังหวัดแพร่เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้นอกจากฐานะยากจน ต้องเลี้ยงลูกน้อยที่มีสองเพศ อุ้มท้องใกล้คลอดแล้ว ยังไร้สิทธิใดๆ
นางกิ่งแก้วกล่าวว่า มาอยู่กินกับนายธีรภัทร เสมอ สามีคนไทยที่จังหวัดแพร่ ที่บ้านเลขที่ 80/1 หมู่ 6 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ มานานนับ 10 ปีแล้ว หลังรู้จักกันเมื่อทำงานรับจ้างใน กทม. แต่ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2558
กระทั่งนายธีรภัทรเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ไม่สามารถใช้สิทธิการเป็นคนไทยได้ ไปติดต่อขอเปลี่ยนสัญชาติหลายครั้งแต่ก็ได้รับคำตอบว่าต้องใช้เวลานานนับ 10 ปีกว่าจะได้โอนสัญชาติเป็นคนไทยตามกฎหมาย ทำให้ไม่ได้รับสวัสดิการในฐานะคนไทย
นางกิ่งแก้วบอกว่า คลอดบุตรคนแรก คือน้องวีซ่า มีอาการผิดปกติที่เรื่องเพศ คือ เหมือนมี 2 เพศ มีอวัยวะเพศชายแต่ไม่มีลูกอันทะ ท่อปัสสาวะมีรูออกต่างหากไม่ได้ออกจากอวัยวะเพศชาย ทำให้น้องวีซ่าต้องนั่งถ่ายปัสสาวะเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป
หลังคลอดได้ปรึกษาแพทย์ที่จังหวัดแพร่ สุดท้ายแพทย์ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งช่วงแรกไปรักษาบ่อยมาก แต่ต้องเสียเงินจำนวนมาก แค่ฉีดยาเข็มละ 2,800 บาท ช่วงที่สามียังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีเงินพอที่จะนำน้องวีซ่าไปรักษาให้อวัยวะเพศกลับสู่สภาวะปกติได้อยู่แล้ว ยิ่งสามีเสียชีวิตไป การรักษาคงไม่มีโอกาสแน่นอน
“ก็หวั่นอยู่ว่าถ้าน้องวีซ่าโตขึ้น เข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาจะเป็นอย่างไร เขาคงมีปมด้อย และอาจเป็นปัญหาจนเข้าสังคมไม่ได้” นางกิ่งแก้วกล่าวด้วยความเป็นห่วงลูกคนโต
นอกจากนี้ ตนกำลังอุ้มท้องลูกอีก 1 คน อายุครรภ์ 8 เดือนครึ่ง ใกล้คลอดแล้ว ซึ่งการไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลทุกครั้งต้องเสียเงินจำนวนมาก แค่ค่าตรวจเลือดก็ตกครั้งละ 600 บาทแล้ว การไปคลอดในโรงพยาบาลก็ต้องเสียเงินกว่า 6,000 บาท ซึ่งขณะนี้ตนไม่มีเงินเลย
นายสมยศ เกิดผล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า มีข่าวหน่วยแพทย์ พอสว.ในสมเด็จย่า มารักษาประชาชนในจังหวัดแพร่เมื่อต้นปีนี้ ได้เสนอชื่อน้องวีซ่าไปสู่การรักษา แต่ปรากฏว่านายธีรภัทรเกิดป่วยหนักทำให้ครอบครัวนี้ไม่ได้พาน้องวีซ่าไปหาหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอสว. ซึ่งกรรมการหมู่บ้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ทำเรื่องไปถึงจังหวัดแพร่เพื่อให้หาทางช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่คืบหน้า
นายสวัสดิ์ บุดดาจี๋ สารวัตรกำนัน ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า นายธีรภัทรเคยเป็นอาสาสมัคร อปพร. ส่วนภรรยายังถือเป็นคนต่างด้าว ทั้งๆ ที่อยู่ในฐานะภรรยาคนไทยมานาน มีทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรสพร้อม นางกิ่งแก้วน่าจะได้รับสิทธิทางกฎหมายให้เป็นคนไทยแล้ว จึงได้นำปัญหาดังกล่าวเสนอในที่ประชุม อปพร.จังหวัดแพร่ ซึ่งมีสมาชิก อปพร.มาหาทางช่วยกันอยู่
“ทางราชการควรให้สิทธิเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการ โดยเฉพาะลูกที่จะคลอดแล้วต้องใช้เงินถึงหกเจ็ดพันบาท จะไปเอาเงินที่ไหนมาทำคลอดลูกคนเล็ก และลูกคนโตมีสองเพศ ซึ่งต้องรีบแก้ไขก่อนที่ลูกจะโต จะเอาเงินที่ไหนนอกจากช่วยให้ได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลเช่นเดียวกับคนไทย”