บุรีรัมย์ - คูเมือง บุรีรัมย์ จัดจดทะเบียนสมรสหมู่รัก 20 คู่รัก ในวันวาเลนไทน์ท่ามกลางความสวยงามทิวลิปหอมและดอกไม้เมืองหนาวนับหมื่นกำลังเบ่งบาน และนั่งเก้าอี้ไม้กลายเป็นหินให้รักยืนยาวแข็งแกร่ง พร้อมเนรมิตช่อบูเก้ยักษ์สุดอลังการให้คู่รักถ่ายภาพ ขณะคู่รักหนุ่มสาวแห่ขึ้นคล้องกุญแจสะพานแขวนลาวาบนเขากระโดงขอให้รักยืนยาวตามตำนานรักแท้ของ “ท้าวปาจิต-นางอรพิม”
วันนี้ (14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับอุทยานไม้ดอกเพ-ลาเพลิน จัดพิธีจดทะเบียนสมรสหมู่นอกสถานที่ “สมรสหวาน ยามทิวลิปบาน” ภายในอุทยานไม้ดอกเพ-ลาเพลิน ท่ามกลางดอกทิวลิปหอม และดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายสีสันที่กำลังเบ่งบานสวยงามนับหมื่น ทั้งยังได้เนรมิตมุมถ่ายภาพเป็นช่อดอกไม้บูเก้จากดอกทิวลิปหอมใหญ่ที่สุดในโลกสุดอลังการให้คู่รักได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วย
โดยการจดทะเบียนสมรสในครั้งนี้มีคู่รักเข้าร่วม 20 คู่ อายุตั้งแต่ 20-60 ปี ทุกคู่แต่งกายชุดผ้าซิ่นตีนแดงซึ่งเป็นผ้าไหมลายเอกลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมได้สานตำนานความเชื่อกับความรักที่ยืนยาวและมั่นคงแข็งแกร่ง โดยให้คู่รักนั่งบนเก้าอี้ไม้กลายเป็นหิน พร้อมเปิดตัวผ้าไหมของดีจากบุรีรัมย์ ความยาวกว่า 100 เมตรจากคู่สมรสที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่ยืนยาวด้วย
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายอนุสรณ์ แก้วกังวาน ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และนายเสนีย์ มะโน นายอำเภอคูเมือง ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีจดทะเบียนสมรสและอวยพรให้แก่คู่สมรสด้วย บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่นประทับใจ
นายอโนทัย และ น.ส.ภัทรวดี มีศรี หนึ่งคู่สมรส กล่าวว่า รู้สึกดีใจและประทับใจมากที่ได้มาจดทะเบียนสมรสที่อุทยานไม้ดอกเพ-ลาเพลินเนื่องในวันวาเลนไทน์ จากที่อยู่กินด้วยกันมานานกว่า 3 ปีรู้สึกเหมือนได้แต่งงานกันอีกครั้ง พร้อมยืนยันจะใช้ชีวิตคู่ด้วยความเข้าใจและให้อภัยกัน เพื่อจะได้ครองรักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป
นายเสนีย์ มะโน นายอำเภอคูเมือง กล่าวว่า การจัดจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ในครั้งนี้ถือเป็นปีแรก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่คู่สมรสที่ประสงค์จะจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ทั้งเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ความสำคัญต่อสถาบันครอบครัวให้มีความรักความเข้าใจ มีความผูกพันที่ดีต่อกันให้ยั่งยืนตลอดไป
อีกทั้งให้คู่สมรสเห็นความสำคัญของการจดทะเบียนสมรส เป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย เกิดความมั่นคง สร้างความอบอุ่นแก่ครอบครัวด้วย และคาดว่าจะจัดขึ้นต่อเนื่องเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดในอีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่บรรดาคู่รักหนุ่มสาวทั้งในจังหวัดบุรีรัมย์ และต่างจังหวัด ได้พากันเดินทางขึ้นไปคล้องกุญแจบริเวณสะพานแขวนลาวา วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่ออธิษฐานให้ความรักยืนยาวสมหวังตามตำนานความเชื่อ เนื่องในวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก เนื่องจากบริเวณปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้อดีตเคยเป็น “สระอ้อย” ที่มีเรื่องเล่าขานตำนานรักแท้ของ “ท้าวปาจิต โอรสแห่งนครธม กับนางอรพิม หญิงสาวชาวนา ซึ่งเป็นสามัญชน ที่ทั้งสองมีความรักต่อกัน แต่ต้องพลัดพรากจากกัน ทั้งต้องผจญภัยฟันฝ่าอุปสรรค และเรื่องราวปาฏิหาริย์มากมายเป็นเวลาถึง 7 ปี จึงได้กลับมาพบและครองรักกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักแท้ของคนในสมัยอดีตที่ผ่านมา
ขณะที่หลายครอบครัวก็ขึ้นไปกราบไหว้ขอพรพระสุภัทรบพิตรองค์ใหญ่พระคู่บ้านคู่เมือง เพื่อขอให้การงานก้าวหน้า และชีวิตรักราบรื่นอย่างคึกคักเช่นกัน
นายจักรพงษ์ โพธิ์มีศรี ชาวจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เนื่องในวันวาเลนไทน์ปีนี้ก็ได้พาคู่รักเดินทางมาเที่ยวที่วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง และเมื่อได้มาเห็นเรื่องเล่าขานตำนานรักของท้าวปาจิต-นางอรพิม ที่แม้จะมีอุปสรรคให้พลัดพรากจากกันนานถึง 7 ปี แต่มีปาฏิหาริย์ทำให้ทั้งสองกลับมารักกันอีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความรักแท้ที่ทั้งสองมีให้ต่อกัน จึงได้มาคล้องกุญแจอธิษฐานขอให้ชีวิตรักยืนยาวตามตำนานความเชื่อดังกล่าว
ด้านนายศิวะดล เกียรตินิยมศักดิ์ กล่าวว่า ได้พาครอบครัวเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร เพื่อมากราบสักการะพระสุภัทรบพิตรองค์ใหญ่ บนยอดภูเขาไฟกระโดง พระคู่บ้านคู่เมืองของชาว จ.บุรีรัมย์ เนื่องในวันวาเลนไทน์ เพื่อขอพรให้การงานก้าวหน้า ชีวิตรักและครอบครัวมีความสุข ซึ่งส่วนตัวมองว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม และการแสดงความรักไม่จำเป็นจะต้องแสดงออกกับคู่รักเท่านั้น สามารถแสดงความรักทั้งพ่อแม่ ผู้ที่เคารพนับถือ คู่รัก และคนสนิทคุ้นเคยได้