บุรีรัมย์ - แม่เฒ่าวัย 83 ปีชาว จ.บุรีรัมย์ สู้ชีวิตเดินเข็นรถขายมันนึ่ง และขนมหวานที่ทำเองไปกลับวันละเกือบ 10 กม. เพื่อเลี้ยงชีพไม่เป็นภาระสังคม หลังสามีเสียชีวิตและลูกขายที่ดินจนหมดแล้วทอดทิ้งต้องเช่าบ้านอยู่ลำพังมานานกว่า 30 ปี แม่เฒ่าเผยลำบากแต่ไม่เคยท้อ ยันหาเลี้ยงตัวเองจนวันสุดท้าย ผู้คนเห็นสงสารช่วยอุดหนุน ทั้งยกย่องให้เป็นต้นแบบหญิงแกร่งสู้ชีวิต
วันนี้ (13 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสมัย บวรรัมย์ แม่เฒ่าวัย 83 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ถูกลูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพังมานานกว่า 30 ปี แต่กลับไม่ยอมงอมืองอเท้าเป็นภาระของสังคม ต่อสู้ชีวิตด้วยการเดินเข็นรถขายมันนึ่ง และขนมหวานที่ทำเอง จากห้องเช่าบริเวณบ้านโสน ต.บ้านยาง ไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ไปกลับเฉลี่ยวันละเกือบ 10 กิโลเมตร กลายเป็นภาพชินตาเพราะคุณยายเดินเข็นรถเร่ขายขนมเป็นประจำทุกวัน แม้มีสภาพหลังค่อมจากสังขารที่มากขึ้นก็ตาม จนสร้างความประทับใจและสงสารแก่ผู้พบเห็นต่างช่วยกันอุดหนุนซื้อขนมของคุณยาย หลายคนทั้งที่เป็นข้าราชการ พนักงานบริษัท และประชาชนทั่วไป กลายเป็นลูกค้าขาประจำหากวันไหนมาซื้อไม่ทันคุณยายเข็นรถผ่าน จะลงทุนขับจักรยานยนต์ตระเวนซื้อขนมของคุณยายให้ได้ เพราะหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจในความสู้ชีวิตของคุณยาย ที่แม้อายุมากแล้วแต่ไม่งอมืองอเท้า หรือเป็นภาระของสังคม ทั้งยังได้ยกย่องให้คุณยายสมัยเป็นต้นแบบของการสู้ชีวิต แม้อายุสังขารไม่เป็นปัญหาอุปสรรคหากใจสู้ อีกทั้งการต่อสู้ชีวิตของคุณยายเพื่อเลี้ยงชีพโดยไม่เป็นภาระของคนอื่น ทำให้หลายคนมีพลังที่จะทำงานและต่อสู้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้อีกด้วย
ยายสมัย บวรรัมย์ กล่าวว่า หลังจากสามีเสียชีวิตและลูกขายที่ดินจนหมดก็ทอดทิ้งให้อยู่ลำพังมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบันกว่า 30 ปีแล้ว จึงได้ทำขนมหวาน มันนึ่ง ใส่รถเข็นขายตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเลี้ยงตัวเองจะได้ไม่เป็นภาระของผู้อื่น ซึ่งหลังจากลูกทอดทิ้งไม่มีบ้านเป็นของตัวเองปัจจุบันต้องไปอาศัยเช่าบ้านราคาถูกเดือนละ1,000 บาท ขณะที่มีรายได้จากการเข็นรถขายขนมวันละ 400-500 บาท เพียงพอจะเลี้ยงตัวเองได้
“จะทำขนมเข็นขายไปจนวันสุดท้ายเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร แต่สิ่งที่อยากได้ในบั้นปลายชีวิตที่เหลือ อยากจะได้บ้านหลังเล็กๆ เป็นของตัวเองสักหลัง จะได้ไม่ต้องเช่าบ้านอยู่” คุณยายกล่าวยืนยันในตอนท้าย