xs
xsm
sm
md
lg

อดีต สว.เมืองน้ำดำจี้ “บิ๊กตู่” ใช้ยาแรงผ่าตัดประเทศ เลือกตั้งหนีไม่พ้นระบบอุปถัมถ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

  ดร.เกรียงไกร  ภูมิเหล่าแจ้ง  อดีต สว. สปช. และอดีตนายก สทท.
กาฬสินธุ์ - “ดร.เกรียงไกร” อดีต ส.ว. สปช. และอดีตนายก สทท. ติงเลือกตั้ง และ การปฎิรูป อปท. ชี้ประเทศไทยป่วยซ้ำซากต้องใช้ยาแรงในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ระบุการเลือกตั้งหนีไม่พ้นระบบอุปถัมภ์ระหว่างสายสัมพันธ์นักการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ

ดร.เกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อดีต ส.ว. สปช. และอดีตนายก สทท. ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในปัจจุบันโดยเฉพาะการปฏิรูปท้องถิ่น และการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมองว่าขณะนี้รูปแบบการบริหารของท้องถิ่นยังมีหลายคนที่ไม่เข้าใจ โดยเสียงของคนท้องถิ่นที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในบางครั้งก็ถูกมองการเคลื่อนไหวต่างๆ ในฐานะผู้จะสูญเสียอำนาจ หรือพูดเอาใจคนมีอำนาจ

“ซึ่งส่วนนี้เองที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนจะมีการเลือกตั้ง และยังเกิดข้อกังวลระหว่างสนามเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. และท้องถิ่น จะมีการจัดการเลือกตั้งสนามไหนก่อน” ดร.เกรียงไกร กล่าว

อยากเรียนว่าหากมองย้อนประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยตั้งแต่มีการปฏิวัติครั้งแรกของคณะราษฎร์เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (พระมหากษัตริย์เป็นผู้ปกครอง) มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (รวมศูนย์ที่รัฐบาลเลือกตั้ง) จนถึงปัจจุบัน มีการแย่งชิงอำนาจโดยวิธีการรัฐประหารอยู่ประมาณ 26 ครั้ง สำเร็จ 13 ครั้ง ไม่สำเร็จกลายเป็นกบฏ 13ครั้ง ทุกครั้งที่อ้างเป็นเหตุผลคือ การทุจริตจนบ้านเมืองเกิดปัญหาหลายด้าน

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดทุจริต คือ การรวมอำนาจ รวมงบประมาณ รวมการบริหารไว้ส่วนกลางจนเกินเหตุเกินเลยเวลาของการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคสมัยดิจิทัลเทคโนโลยีสารสนเทศ คนรู้เท่าทันพร้อมกันทุกมุมโลกในเศษเสี้ยววินาที ไม่มีอะไรปิดบังกันได้ เช่นเดียวกับการกองเงินงบประมาณมหาศาลไว้ให้รัฐบาลกลางใช้ฝ่ายเดียวโดยไม่มีการกระจายไปให้ท้องถิ่นอย่างที่ควรจะเป็น จึงเกิดการแก่งแย่งแข่งขันแย่งชิงทรัพยากรเงินงบประมาณกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านเพื่อให้มาชึ่งอำนาจในการปกครองประเทศผ่านการเป็น ผู้แทน ส.ส. ส.ว.และรัฐบาล

เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว อะไรที่สูญเสียไปในการเลือกตั้งย่อมต้องตักตวงเอาคืนจนเกิดการทุจริตที่ขาดการตรวจสอบจากประชาชนเจ้าของเงินภาษี เนื่องจากอยู่ไกลในต่างจังหวัด ชนบทบ้านนอกป่าเขา เมื่อนักการเมืองบางกลุ่มเกิดการทุจริตจนเกิดปัญหาแตกแยกขัดแย้งรุนแรง วัฏจักรการรัฐประหารโดยอ้างเหตุทุจริตจึงเกิดขึ้นตลอดมา และไม่มีท่าทีจะทุเลาเบาบางลงได้ ดังเหตุที่กล่าวข้างต้น

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า การฆ่ายุงจึงไม่ใช่การแก้ไขปัญหาโรคไข้เลือดออก หากแต่การแก้ปัญหาไข้เลือดออกคือการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่นเดียวกันกับการแก้การรัฐประหารจึงมิใช่การแก้ปัญหาการทุจริต แต่การแก้ปัญหาประเทศแก้ปัญหาขัดแย้งแก้ปัญหาทุจริตจะต้องเกาถูกที่คัน ฟันถูกธงโดยเฉพาะเรื่องของการกระจายอำนาจให้ประชาชนคนท้องถิ่นมากขึ้นกว่าเดิมแบบพลิกโลกเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาประเทศไทยได้ เงินทุกบาทต้องให้ประชาชนเป็นผู้กำหนดแผนงานโครงการเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาในท้องถิ่นโดยตัวเขาเอง

การปฏิรูปท้องถิ่นจึงไม่ใช่คำตอบของการควบรวม หรือยุบรวม ซึ่งเป็นการผลักประชาชนให้ห่างไกลการเข้าถึงคำว่าการกระจายอำนาจมากขึ้น ปัญหาจึงอยู่ที่รัฐบาล หรือข้าราชกล้าที่จะลดอำนาจ ลดบทบาท ลดภารกิจ ลดงบประมาณส่วนกลางลง แล้วกระจายไปให้ท้องถิ่นในรูปคน เงิน งาน การจัดการ ให้มากขึ้นได้หรือไม่ หากปฏิรูปท้องถิ่นโดยเบี่ยงเบนประเด็นเฉไฉไปเรื่องควบรวมจึงเป็นเพียงมายาในม่านหมอกที่มองไม่เห็นผลประโยชน์อันใดแม้องค์คุลี ในอันที่จะแก้ไขปัญหาประเทศ และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง

ดร.เกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง ยังระบุว่า สำหรับการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ ประชาชนต่างเรียกร้องปรารถนาให้เกิดขึ้นเร็ววัน โดยหวังให้ต่างประเทศยอมรับ และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภายในภายนอกเรื่องส่งออก แต่ทุกคนต้องยอมรับร่วมกันว่าในภาวะเช่นนี้สถานการณ์ความขัดแย้งอาจยังไม่ยุติ สถานการณ์ที่สงบอยู่ในลักษณะชั่วคราวเท่านั้น เป็นเพราะรัฐบาลทหาร สถานการณ์ไม่ต่างจากภูเขาไฟสงบแล้วรอปะทุ ประชาชนอาจยอมรับ และพอใจต่อภาวะของความสงบเช่นนี้ แต่ภาวะสงบที่เศรษฐกิจถดถอย เงินหร่อยหรอจากกระเป๋าคงไม่มีใครทนภาวะเช่นนี้ได้นานมากนัก

ในส่วนตัวมองว่าการกำหนดเวลาอันสมควร คือ การเลือกตั้งให้ประชาชนจะเป็นการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง โดยดำเนินการไปพร้อมๆ กับการปฏิรูปประเทศไทย ที่จะต้องถึงพริกถึงขิง ใช้ยาแรงในการเปลี่ยนแปลงผ่าตัดประเทศให้หายขาดจากโรคภัยที่ประเทศป่วยซ้ำซาก การพะวงหลงประเด็นว่าอะไรต้องเลือกก่อนเลือกหลังระหว่าง อปท.กับ ส.ส. และ ส.ว. เป็นเรื่องของคนมองภาพประเทศไทยแบบแยกส่วนโดยลืมนึกถึงวัฒนธรรมคนไทยภาพรวม ที่แม้จะให้ระดับใดเลือกก่อนก็หนีไม่พ้นระบบอุปถัมภ์ค้ำจุนซึ่งกันและกันอยู่ดี

เช่น หาก อปท.เลือกก่อน อดีต ส.ส. ส.ว.อดีต รมต.หรือคนที่จะลงสมัครระดับประเทศ ก็จะสนับสนุนส่งเสริมคนของตนลงสมัคร อปท.เพื่อวางพื้นฐานช่วยหาเสียงสนามใหญ่จะได้คุมพื้นที่ให้เบ็ดเสร็จเป็นฐานคะแนนเสียงซึ่งยิ่งจะมีนัยสำคัญยิ่งกว่าให้ อปท.เลือกทีหลัง เพราะเมื่อ อปท.เลือกทีหลัง ความจำเป็นที่จะสนับสนุนส่งคนที่จะเป็นหัวคะแนนลงสมัคร อปท.เพื่ออาศัยเป็นหัวคะแนนให้ก็ไม่มีเลย หากจะมีก็อาจเพียงส่งญาติพี่น้องของตนลงสมัครระดับ อปท.เท่านั้นซึ่งก็จะไม่มีมาก และเพียงบางพื้นที่เท่านั้น เลือกระดับไหนก่อนจึงไม่ใช่ปัญหา

แต่ที่เป็นปัญหาที่สุดคือ เมื่อสยบความขัดแย้ง และมีอำนาจแล้วปฏิรูปประเทศแบบตาบอดคลำช้าง เกาไม่ถูกที่คัน ฟันไม่ถูกที่ธง วงจรวัฏจักรของประวัติศาสตร์คงเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ขอเป็นกำลังใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาให้ถูกจุด เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไกลไปทันโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น