xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจลั่นรอศาลฎีกาสั่งยกหรือไม่ยกคำร้องคดี “ครูแพะ” ก่อนเดินหน้าฟ้องขบวนการสร้างพยานเท็จทันที(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครพนม –ฝ่ายร้องค้านรื้อคดี “ครูแพะ”เบิกความต่อศาลซัดกันนัว ช่วงบ่ายขึ้นให้การอีก 3 ปากเป็นตำรวจทั้หมด มั่นใจพยานหลักฐานและสำนวนคดีทำตามขั้นตอนกฏหมาย ลั่นรอศาลฎีกาพิพากษาจะยกหรือไม่ยกคำร้อง หลังจากนั้นจะเดินหน้าดำเนินคดีขบวนการสร้างพยานเท็จคดีครูจอมทรัพย์ อ้างในขบวนการมีทั้งหมด 9 คน



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.05 น. วันนี้( 10 ก.พ.)ที่ศาลจังหวัดนครพนม ความคืบหน้าในคดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนม่วงไข่ประชาสงเคราะห์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน กระทั่งต่อมาร้องขอให้รื้อฟื้นคดีใหม่

ศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดสืบพยานมาต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 8-9 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้เป็นนัดสืบพยานเป็นวันที่ 3 ต่อจากเมื่อวานนี้ หลังจากศาลนัดสืบพยานฝั่งผู้คัดค้าน 9 ปาก จากทั้งหมด 14 ปาก ไปจนถึงกระทั่งเวลา 23.00 น. ของกลางดึกวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ยังคงเหลือพยานอีก 6 ปากที่เหลือ ซึ่งล้วนเป็นตำรวจและอดีตตำรวจ โดยช่วงเช้าพยานฝั่งผู้คัดค้านได้เบิกความไปแล้ว 3 ปากจาก 6 ปาก

ประกอบด้วย 1. พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย รอง ผกก.สภ.เรณูนคร (พงส.คดีในขณะนั้น) 2. ร.ต.อ.ชัยบัญชา วังคะฮาด รอง สว.(สส.) สภ.เรณูนคร ผู้ที่เดินลงมาส่งนายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง และนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ ที่รถ) 3.พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.นครพนม (พงส.ทำคดีในขณะนั้น)

4. พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช (พงส.สภ.นาโดน ในขณะนั้น) 5. พ.ต.ท.จิตติ์ ศรีโยหะมุกดาธนพงศ์ อดีต สว.มุกดาหาร (ผู้ที่อ้างว่าเคยมีเพื่อนครูจอมทรัพย์ไปปรึกษา) และ 6. พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู (หน.ชุดสอบสวนในการรื้อคดีครูจอมทรัพย์)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ และ ร.ต.อ.ชัยบัญชา เดินมาขึ้นศาลเป็นปากแรกและปาก 2 ตามลำดับ ต่อมาเวลา 09.30 น. นางจอมทรัพย์ พร้อมดีเอสไอ ได้เดินทางมาศาลในฐานะโจทก์และผู้ร้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรทำให้ครูเชื่อมั่นในวันนี้ ครูจอมทรัพย์กล่าวว่า “ไม่กังวลและมีความมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม” ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องพิจารณาคดี 3 ในเวลา 10.00 น.

ต่อมา ที่ห้องพิจารณาคดี 3 ชั้น 2 ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์ เวลา 10.00 น. มี พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ เบิกความเป็นปากแรก เบิกความต่อศาลว่า วันที่ 23 ธ.ค.2556 หลังจากครูจอมทรัพย์ถูกศาลฎีกาพิพากษา วันที่ 24 ก.พ.2556 นายสุริยา หรือ ครูอ๋อง พาตัวนายเสริฐและนางทัศนีย์ มาพบเพื่อปรึกษาหารือคดีดังกล่าว ครูอ๋องอ้างว่านายเสริฐเป็นคนขับรถที่ชนคนตายตัวจริง จึงมีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ร.ต.อ.ชัยบัญชา เบิกความต่อศาลว่า ช่วงบ่ายวันที่ 23 ธ.ค.2556 ได้พบนางทัศนีย์ หรือ ป้าเตี้ย ซึ่งเป็นภรรยาของ ด.ต.สมศักดิ์ หาญพยัคฆ์ ตำรวจที่เคยอยู่ สภ.พระซอง อ.นาแก มาก่อน จึงทักทายกัน ขณะเดียวกันครูอ๋องเดินผ่านมาที่โต๊ะทำงานตน จึงทักทายกันเนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกันกับครูอ๋อง สมัยเป็นวัยรุ่นด้วยกันที่ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

ขณะที่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ พยานปากที่ 3 เบิกความว่า วันที่ 7 ม.ค.2557 ช่วงเช้าได้มีนายสุริยา หรือ ครูอ๋อง นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร และนายทักษิณ ไขสีดา พร้อมนายเสริฐ รูปสะอาด นายสับ วาปี มาพบที่ บก.ภ.จว.นครพนม เพื่อยื่นคำขอรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ ตนจึงบอกว่าทางตำรวจดำเนินการอะไรไม่ได้

ประกอบกับทาง พล.ต.ต.ธนพล บริบูรณ์ ผบก.ภ.จว.นครพนม ในขณะนั้น ได้รับหนังสือจาก พ.ต.อ.เอกชัย นาถึง ผกก.สภ.เรณูนคร ในขณะนั้น ปรึกษาคดีดังกล่าว ซึ่งก่อนนี้ครูอ๋องได้พานายเสริฐกับนางทัศนีย์ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เรณูนคร เพื่อหาทางช่วยเหลือนางจอมทรัพย์

พ.ต.อ.ปราโมทย์ เบิกความต่อว่า ต่อมาจึงมีคำสั่งให้ทาง สภ.นาโดน พิจารณาข้อเท็จจริง ดังนั้น ตนจึงประสานไปยัง พ.ต.ต.อดิศักดิ์ พงส.ในขณะนั้น เดินทางมาที่ บก.ภ.จว.นครพนม เพื่อทำการสอบปากคำครูอ๋องและพวก ที่ให้ข้อเท็จจริงว่าคนขับรถที่ชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิตนั้นคือนายเสริฐ

กระทั่งช่วงบ่ายจึงสอบปากคำเสร็จ ต่อมาตนจึงแนะนำให้กลุ่มครูอ๋องไปพบทนายอาสาที่สำนักงานยุติธรรม จ.นครพนม เพื่อหาทางช่วยเหลือตามที่ครูอ๋องกล่าว

แต่ครูอ๋องไม่รู้จักสำนักงานดังกล่าว ตนจึงอาสาขับรถอาสาพาไปที่สำนักงานทนายความสัมพันธ์ ทวีพงษ์ หน้าศาลจังหวัดนครพนม โดยไปรถกันคนละคัน จากนั้นตนเองก็ขอแยกตัวกลับบ้าน โดยไม่ทราบว่าเขาปรึกษาเรื่องอะไรกันบ้านกับทนาย

จนกระทั่งต้นปี ม.ค.2560 มาทราบข่าวทางสื่อว่าครูจอมทรัพย์ ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่ตกเป็นแพะ ทางตำรวจภูธรภาค 4 เห็นว่าตนเองเคยพบปะกับกลุ่มครูอ๋องมาตั้งแต่ปี 2557 จึงให้เป็นหนึ่งในกระกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้ ตนจึงได้เรียกพยานแวดล้อมมีนายลัน โทนแก้ว ซึ่งเป็นผู้ถูกระบุว่าเป็นผู้ซื้อรถต่อจากนายสับ วาปี เมื่อปี2545 และนายอุบล ไชยบัน บุคคลที่ซื้อรถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ต่อจากนายลัน และพยานอีกหลายๆปากมาประกอบกัน

จนแน่ใจว่ามีขบวนการสร้างหลักฐานเท็จ มีทั้งหมดจำนวน 9 คน 1. นายสุริยา หรือ ครูอ๋อง 2. นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร 3. นายสับ วาปี 4.นายทักษิณ ไขสีดา 5.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ และเพื่อนครูของครูจอมทรัพย์ อีก 4 คน จึงได้มอบหลักฐานดังกล่าวยื่นต่อศาล แต่ต้องรอศาลฎีกาพิพากษาจะยกหรือไม่ยกคำร้อง ถึงจะดำเนินคดีกับขบวนการเหล่านี้” ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.นครพนม ระบุ

พ.ต.อ.ไพโรจน์ พยานปากสุดท้ายได้แถลงต่อศาลว่า เห็นดัวยกับการรื้อฟื้นคดีกับครูจอมทรัพย์ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้คัดค้าน ถ้าเป็นความจริง หากมีคำสั่งจากศาลว่าครูจอมทรัพย์เป็นผู้บริสุทธิ์ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงนำตัวผู้ต้องหาตัวจริงมาดำเนินคดีต่อไป

แต่จากการสืบสวนสอบสวนที่มีการอ้างว่านายสับ อ้างว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริง ที่เชี่ยวชนให้ผู้อื่นเสียชีวิต เป็นการสร้างพยานเท็จ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ตัวนายเสริฐจะถูกกันไว้เป็นพยานฝ่ายคัดค้านต่อไป

รายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงบ่าย เวลา 14.00 น. พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช (พงส.สภ.นาโดน ในขณะนั้น) พ.ต.ท.จิตติ์ ศรีโยหะมุกดาธนพงศ์ อดีต สว.มุกดาหาร (ผู้ที่อ้างว่าเคยมีเพื่อนครูจอมทรัพย์ไปปรึกษา) และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู (หน.ชุดสอบสวนในการรื้อคดีครูจอมทรัพย์) จะขึ้นเบิกความต่อศาลตามลำดับต่อไป
พ.ต.อ ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รอง ผบก.จว.หนองบัวลำภู หัวหน้าชุดสืบสวนคดีรื้อฟื้นครูแพะ

พลตำรวจตรีธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 เปิดเผยว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการสืบพยานฝ่ายผู้คัดค้าน ที่ตำรวจได้ยื่นพยานบุคคลขึ้นเบิกความจำนวน 15 ปาก จะเข้ากระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งตำรวจเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

แต่ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายผู้คัดค้านไม่มีการนำพยานซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีและผลการตรวจสภาพรถคันเกิดเหตุ เมื่อปี2548 ขึ้นสู่ศาล เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นหลักฐานเก่า ซึ่งการขอรื้อฟื้นคดีนั้นต้องเป็นพยายหลักฐานใหม่ศาลจึงจะพิจารณา

ส่วนกรณีที่ตำรวจเคยออกมาระบุว่า มีขบวนการรับจ้างรับผิดแทน ก็ยังคงสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากมีหลักฐานเชื่อมโยงถึง 2 ฝ่าย จะดำเนินการครอบคลุมทั้งหมด

พร้อมระบุว่า คำเบิกความของพยานทั้ง 2 ฝ่าย นั้นเป็นประโยชน์กับการดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการในอนาคต และไม่ว่าคำสั่งศาลจะออกมาเช่นไร ก็จะเดินหน้าเอาผิดกับขบวนการรับจ้างรับผิดแทน

อย่างไรก็ตามในส่วนของคณะทำงานสอบสวนคดีครูจอมทรัพย์ ที่ตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้ว แต่ยอมรับว่าไม่เคยเรียกนายสับ วาปี มาให้การ แต่อย่างใด





กำลังโหลดความคิดเห็น