xs
xsm
sm
md
lg

บุกตรวจสอบ 2 เกาะหน้าอ่าวเมืองพัทยา หวั่นครอบครองผิดกฎหมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บุกตรวจสอบ 2 เกาะหน้าอ่าวเมืองพัทยา หวั่นครอบครองผิดกฎหมาย
ศูนย์ข่าวศรีราชา - คสช.สนธิกำลังบุกตรวจสอบ 2 เกาะหน้าอ่าวเมืองพัทยา หลังได้รับร้องเรียน “มีเอกสารสิทธิครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่” เบื้องต้น พบทั้ง 2 พื้นที่มีผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ แต่ยังไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ ก่อนมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (9 ก.พ.) เจ้าหน้าที่จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี นำโดย ร.ท.สันนิบาล แสนดี ผู้บังคับหมวดรักษาความสงบเรียบร้อย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ สนธิกำลังร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยา และฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง ลงพื้นที่เพื่อสำรวจตรวจสอบการครอบครองและทำประโยชน์บนพื้นที่เกาะครก และเกาะสาก ม.7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง หลังได้รับการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวซึ่งมีเอกชนเข้าไปครอบครอง และจับจองทำร้านอาหาร และรีสอร์ตมีเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่

ทั้งนี้ จากการขึ้นสำรวจบริเวณพื้นที่บนเกาะครก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลเมืองพัทยา ระยะทาง 4 ไมล์ทะเล พบสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 ชั้น จำนวน 12 หลัง และศาลาที่พัก 1 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้จนชำรุดทรุดโทรมแล้ว จะเหลือที่ไว้ใช้งานเพียง 2 หลัง ซึ่งเบื้องต้นพบ นายแสงทอง หนูก่า อายุ 51 ปี ซึ่งรับว่าเป็นผู้ดูแลเกาะ ที่กล่าวอ้างว่าได้รับการว่าจ้างจากเจ้าของเกาะให้มาดูแลบ้านพักต่างๆ ที่ปลูกสร้างไว้รองรับญาติสนิทของผู้ครอบครองมาพักผ่อน โดยมิได้นำมาหาผลประโยชน์แต่อย่างใด

ด้าน นายกฤฎ์ธเนศศ์ เสฏฐาพงศ์ นายช่างโยธา สำนักงานเมืองพัทยา สาขาเกาะล้าน เปิดเผยว่า ตามทะเบียนราษฎรที่เกาะแห่งนี้จะใช้บ้านเลขที่ 191 ทั้งเกาะ ซึ่งไม่รู้ว่าออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จากการตรวจสอบพบว่า บ้านแต่ละหลังจะมีบ้านเลขที่ และทับด้วยเลขต่างๆ ไล่เรียงกันไป จึงคาดว่าน่าจะติดตั้งขึ้นมาเองโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนั้น จากการเข้าตรวจค้นภายในห้องพักของ นายแสงทอง ยังพบอาวุธปืนเล็กยาวขนาด .22 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน โดย นายแสงทอง ให้การว่า ปืนทุกกระบอกมีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย และมีไว้สำหรับยิงนก และขู่คนต่างด้าวไม่ให้ขึ้นมาบนเกาะเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ พร้อมจะได้เรียกผู้ครอบครองมาแสดงเอกสารสิทธิครอบครองต่อไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังเกาะสาก ตั้งอยู่ ม.7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองพัทยา 5 ไมล์ทะเล บริเวณหน้าหาดพบสิ่งปลูกสร้างลักษณะเป็นรีสอร์ตประมาณ 15 หลัง และบริเวณทางเดินไปยังชายหาดอีกฝั่งพบว่า 2 ข้างทางมีรั้วรอบ ภายในรั้วจะมีรอยประทับของฝ่ามือ และฝ่าเท้าบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ ทั้งนักการเมือง จากไทย เทศ รวมไปถึงรอยพระบรมวงศานุวงศ์เรียงรายเป็นระยะทางยาวกว่า 50 เมตร

โดยจากการสอบถาม นางพรพิชญ์ จุลละทรัพย์ อายุ 64 ปี ผู้ดูแลเกาะสาก ให้การว่า เกาะสากแห่งนี้เดิมที พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มาบุกเบิกสำหรับไว้รับรองแขกบ้านแขกเมือง และแขกวีไอพี ซึ่งเป็นที่มาของรอยประทับต่าง ๆ รวมถึงรอยประทับของในหลวงรัชกาลที่ ๙ และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงประทับไว้ตั้งแต่ปี 2510 ในช่วงที่พระองค์ทรงเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบในกีฬาแหลมทอง หลังจากนั้น เกาะแห่งนี้ก็มีการบริหารจัดการกันมาจากรุ่นสู่รุ่นกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมา บนเกาะแห่งนี้ไม่เคยที่จะคิดนำไปแสวงหาผลประโยชน์

แต่เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีบริษัททัวร์แห่งหนึ่งมาขอนำนักท่องเที่ยวลงมาพักผ่อน พร้อมขอความร่วมมือให้กางร่มเตียงโดยทุนของบริษัทเอง ซึ่งก็มีการจัดเก็บค่าบริการ และก็ได้ดำเนินกิจการเรื่อยมาโดยไม่มีการขายอาหารแต่อย่างใดเพื่อไม่ให้เกิดมลพิษในทะเล ซึ่งทุกปีก็จะไปเสียภาษีรายได้ และภาษีโรงเรือนมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบแล้วพบว่า พื้นที่ทั้ง 2 เกาะนี้น่าจะมีการเข้ามาครอบครองสิทธิเป็นเวลานานแล้ว แต่จากการเรียกตรวจสอบเอกสารพบว่ายังไม่มีผู้อ้างสิทธิสามารถนำเอกสารมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งจากนี้จะได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปทำการเรียกตรวจสอบเอกสารหลักฐาน พร้อมสืบหาข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งหากพบว่ากรณีดังกล่าวเป็นการบุกรุกที่สาธารณะก็จะได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่อไป
คสช.สนธิกำลังบุกตรวจสอบ  2 เกาะหน้าอ่าวเมืองพัทยา
ยังไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้ในขณะนี้
สภาพเกาะหน้าอ่าวเมืองพัทยา
กำลังโหลดความคิดเห็น