ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้การชลบุรี ยันคลิปล่าสุดเป็นคลิปตรงกันกับที่พนักงานสอบสวน สภ.แสนสุขได้จากกล้องหน้ารถวิศวกรตั้งแต่วันเกิดเหตุ พร้อมเตรียมดำเนินคดีต่อวัยรุ่นที่โพสต์ข้อความข่มขู่วิศวกร และครอบครัว พร้อมทั้งสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก
พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นายสุเทพ โภชน์สมบูรณ์ วิศวกรวัย 50 ปี ใช้ปืนยิง นายนวพล ผึ่งผาย นักเรียนชั้น ม.4 จนเสียชีวิต จากเหตุกระทบกระทั่งเรื่องจอดรถขวางทางบริเวณสะพานปลาอ่างศิลาว่า เกี่ยวกับเรื่องคลิปที่ได้จากหน้ารถของวิศวกรที่เพิ่งมีการแชร์กันนั้น จริงๆ แล้วทางพนักงานสอบสวนได้คลิปนี้ตั้งแต่วันเกิดเหตุจากกล้องหน้ารถ
เบื้องต้น พบว่าคลิปเดียวกันแต่ยาวกว่านี้ คือ ตั้งแต่เริ่มต้นทะเลาะกันที่รถตู้จอดรถขวางกันที่ บริเวณสะพานปลาอ่างศิลา จนมีเรื่องมีราวถึงที่เห็นในคลิป จึงสรุปอยู่ในสำนวนเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องสอบถึงประเด็นนี้เพิ่มเติม แต่หากญาติพี่น้องฝั่งผู้เสียชีวิตติดใจให้ตรวจสอบคลิปนี้ว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ตนก็จะให้พนักงานสอบสวนส่งคลิปไปตรวจสอบได้ทันที เพราะมีผลต่อรูปคดี เพราะต้องใช้คลิปนี้ในชั้นศาล
ส่วนการจะดำเนินคดีต่อคนขับรถตู้ และกลุ่มวัยรุ่นหรือไม่นั้น ต้องขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเพราะคดีนี้เป็นคดีที่ละเอียดอ่อนที่สังคมให้ความสนใจ ต้องใช้ความรอบคอบในการสอบสวน โดยขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก ยังคงเหลืออีก 2-3 ปากเท่านั้น ก็จะเรียกกลุ่มวัยรุ่นมารับข้อกล่าวหา คือ คนลงจากรถตู้ และรถยนต์วีออส แล้วลงมือเข้าไปประทุษร้ายวิศวกร ก็จะดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ส่วนคนที่ลงไปแต่เข้าไปแต่ยังไม่ได้ลงมือทำร้าย ก็จะโดนข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่น ในเบื้องต้น
ส่วนวิศวกรโดนข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะนี้ต้องรอผลการพิสูจน์คราบเขม่าดินปืนว่าเป็นผู้ที่ลงมือยิงจริงหรือไม่ ดูผลของหัวกระสุนที่ยิงผู้เสียชีวิตตรงกับอาวุธปืนที่ใช้หรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 เดือน ทางตำรวจก็จะต้องสอบสวน และตั้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ฝ่าย อย่างเป็นธรรม เพื่อที่จะส่งอัยการ จ.ชลบุรี พิจารณาเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป
ส่วนกรณีที่วิศวกรถูกต่อยจนแว่นหลุดออกจากตา ขณะเดียวกัน ก็ต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันชีวิตของตน ภรรยา มารดา และหลานชายวัย 11 ขวบ ก็ต้องส่งให้จักษุแพทย์ทำการวัดสายตาว่า สั้นยาวเท่าไหร่ มีผลต่อการใช้อาวุธปืนยิงว่าสามารถเล็งเป้าได้แม่นยำเท่าไหร่
ส่วนกรณีที่มีเพื่อนของผู้ตายมาโพสต์ข้อความข่มขู่ นายสุเทพ และครอบครัว นั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้น เข้าข่ายความผิดฐานข่มขู่ให้เกิดความตกใจกลัว ส่วนเรื่องอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุว่าจริงๆ แล้วใครเป็นผู้ครอบครองขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่
ล่าสุด ก็ได้สอบพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก เหลืออีกเพียง 3 ปาก และต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการตรวจสอบคราบเขม่าปืน ปลอกกระสุน และหัวกระสุนว่ามาจากปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่