แม่ฮ่องสอน - ฉลองวันชาติไต 2017 คึกคัก คนไทใหญ่ทั่วสารทิศแห่กลับแผ่นดินเกิด ร่วมร้องเพลง “ฉันคือไต” กระหึ่มดอยไตแลง หลังนักวิชาการ-ศิลปินไทยร่วมประพันธ์ บอกเล่าเรื่องราว “ความเป็นคนไต” ผ่านบทเพลง ก่อน “เจ้ายอดศึก” ยกขึ้นชั้นเป็นเพลงประจำชาติ-สอนลูกหลานให้รักและปกป้องแผ่นดินแม่
ขณะที่ พลโท เจ้ายอดศึก ผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่-สภาเพื่อกอบกู้รัฐฉาน ได้เปิดฐานที่มั่นบนดอยไตแลง รัฐฉาน พม่า ติดกับชายแดน อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน นำกำลังทหาร ตลอดจนชาวไทใหญ่ จัดงานฉลองวันชาติของชาวไทใหญ่ เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยมี พลโท เจ้ายอดศึก ผู้นำกองทัพรัฐฉานเป็นประธาน พร้อมทั้งผู้แทนจากเมืองต่างๆ ในรัฐฉาน ร่วมชมการสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร และกล่าวปฏิญาณตนเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ทหารที่ร่วมสวนสนามกว่า 5,000 นาย
ในงานปีนี้นอกจากจะมีการนำกำลังพลกว่า 5,000 นายร่วมสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพไทใหญ่แล้ว ยามค่ำคืนก็มีการจัดกิจกรรมบำรุงขวัญกำลังใจทหารหาญด้วย รวมทั้งมีการเปิดตัวเพลงประจำชนชาติ ที่มีทั้งภาษาไต และภาษาไทย ที่มีศิลปินนักแต่งเพลงชาวไทยกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมทำเพลงเหล่านี้ขึ้นมา โดยเฉพาะบทเพลงที่เกิดจากแนวคิดและการสร้างสรรค์ผลงานของพลโท เจ้ายอดศึก โดยตรง เช่น บทเพลงฉันคือไต, เสือกินเหยื่อ, นาคาเข้าถ้ำ, เสือกัดไม่ปล่อย เป็นต้น
ในระหว่างงานรื่นเริงยามค่ำคืนฉลองวันชาติไตปีนี้ ได้มีการหยิบยกเพลง “ฉันคือไต” ขับร้องโดย พลโท เจ้ายอดศึก และเครือข่ายประชาชนชาวไต ขึ้นเป็นเพลงประจำชาติ และสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารไตที่ร่วมงานบนดอยไตแลง
พลโท เจ้ายอดศึกกล่าวว่า คนไตกระจัดกระจายไปทั่วในแผ่นดินพม่า และออกไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้าอยู่หัวของไทย ทำมาหากินบนแผ่นดินไทยเป็นจำนวนมาก แต่คนส่วนใหญ่รักชาติ-รักแผ่นดินเกิด ช่วยกันระดมสรรพกำลังทั้งเงินทุน และความรู้มาร่วมสร้างชาติ
แต่หลายคนก็ไม่เข้าใจ และหลุดไปจากความเป็นคนไต ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นมากที่จะต้องให้ชาวไตทั้งมวลได้ตระหนักในความเป็นชาติ รับผิดชอบดูแลให้อุดมการณ์ของชาติไปถึงจุดหมาย ซึ่งตนมองว่าบทเพลงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะดึงดูดให้คนไตทั้งมวลมาร่วมกันสร้างชาติ และก็ได้รับความช่วยเหลือจากเครือข่ายเพื่อนรัฐฉานส่งศิลปินเข้ามาช่วยทำเพลง ทำภาพยนตร์ และภาพยนตร์สารคดี เพื่อเผยแพร่ให้คนไตได้เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของชาติ
“บทเพลงฉันคือไตที่ทางสภากอบกู้รัฐฉานได้นำมาขับร้องในงานฉลองวันชาติปีนี้ ถือเป็นเพลงประจำชาติไปด้วย”
นายวีระพงษ์ กังวานนวกุล ผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อนรัฐฉาน กล่าวว่า ในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมามีโอกาสคลุกคลีเกี่ยวข้องกับชาวไทใหญ่ ได้เล็งเห็นว่าพี่น้องในเขตรัฐฉานไม่ได้เป็นคนอื่นไกล หากเพียงเส้นแบ่งเขตแดนเท่านั้นที่แบ่งแยกความเป็นประเทศไทยกับประเทศพม่า
กระทั่งมีโอกาสขึ้นมาทำงานแถบชายแดนเชียงราย ซึ่งขณะนั้นเราไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องรัฐฉานมากเท่าไหร่นัก รู้เพียงแต่ว่าข้ามชายแดนเชียงรายไปคือ ประเทศพม่า ซึ่งตนก็ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลยในความเป็นรัฐฉาน หรือประเทศพม่า หรือประเทศเมียนมาในปัจจุบัน
จนระยะหลังจึงเริ่มเข้าใจในความเข้มข้นทางชาติพันธุ์เชื้อสายไต ที่มีหลายเชื้อสาย และมีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันกันกับคนไทยในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด เพราะมีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมและพบปะผู้อาวุโสหลายท่านที่เป็นคนในยุคไม่มีเขตแดนได้เล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ในภูมิภาคแถบนี้ และทำให้ได้รู้จักพี่น้องคนไทใหญ่มากขึ้นจนเป็นที่มาของการเชื่อมโยงคนหลากหลายสาขาอาชีพในประเทศไทยที่สนใจเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่รอบๆ เขตประเทศไทยเฉกเช่นรัฐฉาน เป็นต้น
นอกจากนี้ เครือข่ายเพื่อรัฐฉานยังได้อาจารย์เจษฎา หั่นช่อ ศิลปินและนักประพันธ์เพลงอิสระ ที่มีโอกาสร่วมเดินทางเข้าไปในพื้นที่รัฐฉานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างเดินทางได้พบปะพูดคุยกับผู้อาวุโส และพี่น้องคนหนุ่ม-สาวในรัฐฉานตามแนวตะเข็บชายแดน คือ ดอยไตแลง แห่งนี้ จึงเกิดแรงบันดาลใจ และได้ประพันธ์เพลงไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่พี่น้องคนไตในแผ่นดินรัฐฉานนี้ บทเพลงนี้ชื่อว่า “ฉันคือไต”
จากการหารือ พลโท เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ได้ให้ความเห็นว่า บทเพลงนี้มีความหมายต่อประชาชนในรัฐฉานมาก เพราะพูดถึงความเป็นชาติพันธุ์ และลูกหลานคนไตที่ไม่ควรทิ้งถิ่นฐาน-ชาติพันธุ์ของตนเอง ไม่ว่าจะไปอยู่ที่แห่งใด เมืองใด หรือประเทศใดก็ตาม บทเพลงนี้จะเป็นบทเพลงที่กล่าวถึงความภาคภูมิใจในความเป็นประชาชนคนเชื้อสายไตตลอดไป
ทั้งนี้ พลโท เจ้ายอดศึกยืนยันเพิ่มเติมด้วยว่า จะเสนอบทเพลงนี้ให้เป็นบทเพลงที่ขับร้องในวันชาติของรัฐฉานทุกๆ ปี เพื่อรำลึกถึงความเป็นคนไตในแผ่นดินรัฐฉาน และใช้เป็นบทเพลงที่สอนลูกหลานให้รักแผ่นดินปกป้องแผ่นดินของเราต่อไป