ลำปาง - ส่อกลายเป็นเรื่องยาว สาวลำปางแจ้ง ตร.ถูกลักรถ ก่อนตามไปเจอคนขโมยจูงรถอยู่หน้าปั๊ม พอ ตร.มาตรวจสอบคู่กรณีรับนั่งเล่นไพ่ข้ามวันข้ามคืนเสียหมดตัว จนต้องจำนำ จยย. ก่อนออกอุบายยืมกุญแจ รอเจ้าของบ่อนเผลอสตาร์ทรถบึ่งหนีทันที
วันนี้ (7 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์วิทยุตำรวจภูธร 191 ลำปาง ได้รับแจ้งจาก นางสายพิน พิโนศรี อายุ 44 ปี ว่า มีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ออกมาจากที่จอดรถในบ้านตนเอง ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 308/1 ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง และกำลังจูงรถไปทางปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนนสุขุมวิท ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยสกัดจับ
หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.วชิรวิทย์ รถน้อย รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.เขลางค์นคร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันออกตรวจสอบ เมื่อไปถึงบริเวณปั๊มน้ำมันเอสโซ่ พบหญิง 2 คนกำลังฉุดกระชากกันอยู่ โดยมีรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน ขมง 982 ลำปาง จอดอยู่ใกล้ๆ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ
น.ส.เครือวัลย์ สิงห์ดี อายุ 47 ปี ระบุว่า รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของตนเอง พร้อมกล่าวว่า เมื่อวานได้ไปเล่นไพ่ที่บ่อนของ นางสายพิน พิโนศรี อายุ 44 ปี ซึ่งเปิดบ้านเลขที่ 308/1 ต.สบตุ๋ย เล่นทุกวัน ตนเล่นตั้งแต่เมื่อวาน (6 ก.พ.) แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเสียมากขึ้น สุดท้ายต้องนำรถจักรยานยนต์ที่ขี่มาจำนำไว้ที่บ่อนไพ่ดังกล่าว โดยมี นางสายพิน เป็นผู้รับจำนำ ในราคา 4,000 บาท
จากนั้นตนก็นั่งเล่นไพ่ต่อจนกระทั่งถึงช่วงเช้า ก็ยังเสียการพนันจนหมด และเมื่อเห็น นางสายพิน เจ้าของบ่อนเริ่มมีอาการง่วงนอน ตนจึงออกอุบายขอยืมกุญแจรถคันที่จอดจำนำไว้เพื่อจะไปเอาของใต้เบาะรถ นางสายพิน ได้ให้กุญแจรถ ซึ่งตนเองก็รอจนนางสายพิน หลับ จึงขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ่อนดังกล่าว
แต่เมื่อ นางสายพิน ได้ยินเสียงสตาร์ทรถจึงรีบวิ่งออกมาดู และตะโกนเรียกให้ตนจอดรถ แต่ตนไม่จอด นางสายพิน จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเองขโมยรถ พร้อมขับรถติดตาม จนมาเจอตนที่บริเวณปั๊มน้ำมันดังกล่าว และได้เกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น
ด้าน นางสายพิน กล่าวว่า ตนรับจำนำรถจัรยานยนต์คันดังกล่าวจาก น.ส.เครือวัลย์ ในราคา 4,000 บาทจริง โดย น.ส.เครือวัลย์ เสียไพ่ ต้องการเอาเงินไปเล่นพนันต่อ ตนจึงให้ไป ซึ่ง น.ส.เครือวัลย์ บอกว่าจะจำนำแค่วันเดียว แต่พอตนเผลอหลับ น.ส.เครือวัลย์ ก็ขี่รถคันดังกล่าวออกมา ตนสะดุ้งตื่นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สกัดจับดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คุมตัวทั้ง 2 คน ไปสอบสวน และตกลงกันที่ สภ.เขลางค์นคร และจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป