ศูนย์ข่าวศรีราชา - นอภ.ศรีราชา กำชับบริษัทเคอรี่ฯ โครงการขยายท่าเทียบเรือระยะที่ 4 ให้สนใจชุมชนรอบพื้นที่ โดยเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลในการก่อสร้าง หวั่นบริษัทฯ หมกเม็ดอาจมีปัญหาในอนาคต เพราะบริษัทต้องอยู่คู่กับชุมชนตลอดไป
วันนี้ (7 ก.พ.) นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้ตรวจการสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการเวทีชี้แจงชุมชน โครงการขยายท่าเทียบเรือระยะที่ 4 (ระยะก่อสร้าง) บริษัทเคอรี่ สยามซีพอร์ต จำกัด ณ ห้องประชุมบริษัทเคอรี่ สยามซีพอร์ต จำกัด โดยมีเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมของเทศบาลนครแหลมฉบัง และมี 17 ชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตร ในการก่อสร้าง ประกอบด้วย ชุมชนในเขตเทศบาลนครแหลมฉบัง ชุมชนในเขตเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ และชุมชนในเขตเทศบาลเมืองศรีราชา เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
สำหรับโครงการขยายท่าเทียบเรือเคอรี่ สยามซีพอร์ต จำกัด ระยะที่ 4 เป็นโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือขนาดความยาว 650 เมตร และสะพาน (JETTY) ความยาว 2,700 เมตร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 จะแล้วเสร็จในปี 2561 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 1,057 วัน ขณะนี้โครงการคืบหน้าไปแล้วกว่า 33% เช่น มีการการตอกเสาเข็มในทะเล การเทคาน และเทพื้น
นายวรญาณ กล่าวต่อไปว่า จากการฟังเสียงของชุมชนต่างๆ ในพื้นที่เขตการก่อสร้างพบว่า ประชาชนไม่ทราบรายละเอียด และรูปแบบของโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบันนี้มีการดำเนินการก่อสร้างอะไรไปแล้วบ้าง โดยไม่เห็นรูปแบบอะไรเลย โดยมีเพียงบริษัทฯ ที่ปรึกษาและบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาชี้แจงรายละเอียดในห้องประชุมให้ทราบตามรูปแบบที่กำหนดไว้เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงทำหรือไม่อย่างไรทางชุมชนไม่ทราบ ดังนั้น ขอให้ทางบริษัทฯ ให้ตัวแทนของชุมชนหมุนเวียนเข้าดูขั้นตอนการก่อสร้าง เพื่อเห็นข้อเท็จจริง และขั้นตอนการก่อสร้างบ้าง โดยอาจจะมีข้อเสนอแนะ หรือมีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าวบ้าง เพื่อสร้างความสบายใจหากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ
ด้าน น.ส.นิชานันท์ เสนาะ คณะกรรมการชุมชนบ้านแหลมทอง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ เชิญชุมชนเข้ามารับฟังข้อมูลต่างๆ ภายในบริษัทฯ โดยมีเพียงการชี้แจงว่าดำเนินการแบบนี้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด แต่ในความเป็นจริงทางชุมชนไม่สามารถทราบได้เลยว่ามีการปฏิบัติจริง และมีการป้องกันปัญหา หรือผลกระทบต่อชุมชนจริงหรือไหม ดังนั้น ทางบริษัทฯ ควรให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนรับรู้รับทราบการดำเนินการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเคลือบแคลงใจในอนาคต เพราะหากโครงการแล้วเสร็จก็ต้องอยู่คู่กับชุมชนตลอดไป ดังนั้น ควรให้เกิดความโปร่งใสตั้งแต่แรก และในอนาคตไม่ต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก
ด้าน นางรัตนา ปรมัตถ์ ประธานชุมชนบ้านใน กล่าวว่า การดำเนินการก่อสร้างของบริษัทเคอรี่ สยามซีพอร์ต จำกัด ส่วนใหญ่ดำเนินการในทะเลทั้งสิ้น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ส่งผลกระทบต่อชาวประมงเรือเล็ก และประมงชายฝั่งที่ออกจับปลาบริเวณชายฝั่ง แต่เมื่อมีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมา ทำให้ชาวประมงกลุ่มนี้หมดแนวทางการหากิน ดังนั้น ทางบริษัทฯ ควรหาแนวทางในการช่วยเหลือชาวประมงกลุ่มนี้เพื่อมีอาชีพในการเลี้ยงตัวเอง และครอบครัวในอนาคตต่อไป
ด้านนายวรพล สุวรรณสบาย ผู้จัดการชุมชนสัมพันธ์บริษัทเคอรี่ สยามซีพอร์ต จำกัด กล่าวถึงแนวทางที่ประธานในที่ประชุม และตัวแทนชุมชนเสนอแนวทางดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยทางบริษัทฯ จะประสานบริษัทที่ปรึกษานำแนวทางดังกล่าวไปปฏิบัติ เพื่อให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนรับรู้รับทราบ พร้อมแนวทางในการช่วยเหลือด้านอาชีพต่อไป