อุบลราชธานี - ชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำมูลกว่า 200 คน ประท้วงจังหวัดอุบลฯ คัดค้านขยายสัมปทานเรือดูดทรายกลางแม่น้ำมูล หวั่นตลิ่งทรุดบ้านริมน้ำพัง ทั้งรบกวนการขยายพันธุ์สัตว์น้ำ เกรงกระทบต่อเจดีย์เก่าแก่กลางน้ำ ยื่นคำขาดหากไม่หยุดจะเคลื่อนไหวร้องถึงนายกรัฐมนตรี ด้านจังหวัดอุบลฯ เผยอยู่ระหว่างพิจารณา ยังไม่มีนโยบายขยายเขตสัมปทานดูดทราย พร้อมนำปัญหาชาวบ้านเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณาให้ใบอนุญาตด้วย
วันนี้ (2 ก.พ. 60) ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายชัชวาล กลิ่นกุหลาบ แกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำมูล จากตำบลกุดลาด อ.เมืองอุบลราชธานี พร้อมชาวบ้านตำบลกุดลาด ตำบลกระโสบ และตำบลท่าช้าง อ.สว่างวีระวงศ์ ซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำมูล ประมาณ 200 คน เดินทางมาด้วยขบวนรถยนต์กว่า 30 คัน รวมตัวยื่นหนังสือร้องคัดค้านสภาตำบลกุดลาด มีมติเห็นชอบอนุญาตให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุบลศิริชัยก่อสร้าง ขยายเขตดูดทรายในแม่น้ำมูลเข้าใกล้ชุมชน มีรัศมีโดยรอบสัมปทานประมาณ 300 เมตร คิดเป็นพื้นที่กว่า 3 ไร่
โดยกลุ่มชาวบ้านนำเอกสารการลงมติของสภาตำบล เอกสารการทำประชาคมหมู่บ้านเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2559 โดยมีมติไม่อนุญาตให้ดูดทรายอย่างเป็นเอกฉันท์ 160 เสียง ไม่ออกเสียง 50 เสียง และเห็นด้วยเพียง 10 เสียง ยื่นประกอบการคัดค้านการลงมติของสภาตำบลเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2560 ซึ่งมีสมาชิก อบต.เห็นชอบจำนวน 13 เสียง ไม่เห็นชอบ 7 เสียง ไม่ออกความเห็น 3 เสียง และลาไม่เข้าร่วมประชุม 1 ราย โดยวันนี้กลุ่มชาวบ้านยังได้ยื่นเอกสารเป็นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยให้มีการดูดทรายบริเวณดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 251 คน
สำหรับการเคลื่อนไหวคัดค้านการอนุญาตดูดทรายบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำที่ประชาชนอาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำมูล ของอำเภอเมืองอุบลราชธานีและอำเภอสว่างวีรวงศ์ ร่วมมือกันทำมาเกือบ 20 ปี ทำให้บริเวณดังกล่าวมีความสมบูรณ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด เป็นแหล่งอาหารของชาวบ้าน และเป็นแหล่งสร้างรายได้จากการจับสัตว์น้ำไปขายหลังฤดูทำนา
ขณะเดียวกัน ห่างจากจุดขอสัมปทานดูดทรายไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเจดีย์โบราณกลางน้ำอายุเกือบ 100 ปี เป็นศาสนสถานเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน และหาดศรีภิรมย์ แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำย่านชานเมือง เกรงกระทบต่อเจดีย์ดีโบราณดังกล่าว และกระทบถึงรายได้ของผู้ประกอบการแพจำหน่ายอาหาร และการจำหน่ายของกินที่ชาวบ้านหาได้ในท้องถิ่นแก่นักท่องเที่ยวด้วย
หากอนุญาตให้ดูดทราย เรือดูดทรายจะทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเสียหายมหาศาล รวมทั้งชาวบ้านเคยได้รับบทเรียนจากอดีต เพราะเคยมีเรือดูดทรายเข้ามาดูดทรายใกล้ชุมชน ทำให้ตลิ่งทรุดลุกลามเข้าใกล้บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใกล้ริมน้ำ จนชาวบ้านทนไม่ไหวได้ร่วมกันขับไล่เรือดูดทรายออกจากพื้นมาแล้วเมื่อกว่า 20 ปีก่อน การขออนุญาตสัมปทานดูดทรายครั้งนี้จะนำปัญหาที่เคยเกิดกับชาวบ้านเมื่อกว่า 20 ปีก่อนกลับมาสู่ชุมชนอีก ชาวบ้านทั้ง 3 ตำบลจึงพร้อมใจออกมาคัดค้านการอนุญาตดูดทราย หากจังหวัดไม่รับฟังเสียงของชาวบ้านจะเคลื่อนไหวคัดค้านไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ มีนายไพฑูรย์ พรหมสอน หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี เป็นคนลงมาพบและรับหนังสือพร้อมเอกสารคัดค้าน พร้อมกล่าวกับชาวบ้าน ว่าจะรีบนำเรื่องการคัดค้าของชุมชนสองฝั่งแม่น้ำมูลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีรับทราบ ขณะนี้จังหวัดอุบลราชธานียังไม่มีมติอนุญาตให้ขยายเขตสัมปทานดูดทรายของเอกชนรายดังกล่าว แต่ถ้าเอกชนรายนี้ ทำการดูดทรายขยายแนวเขตมายังจุดใหม่ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ชาวบ้านสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ให้จับกุมได้ทันที จึงขอให้ชาวบ้านสบายใจ
ภายหลังยื่นหนังสือคัดค้านและรับฟังการชี้แจงแล้วทำให้ชาวบ้านพอใจและพากันสลายตัวไปในเที่ยงวันเดียวกัน สำหรับการมาชุมนุมของชาวบ้านที่คัดค้านเรือดูดทรายมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเกือบ 100 นายด้วย