ฉะเชิงเทรา - ประชาชน และนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีน ให้ความสนใจพากันแห่เข้ามาชมโบสถ์ที่สร้างด้วยสเตนเลสได้อย่างงดงาม ที่วัดหัวสวนแปดริ้ว หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จมาได้ตั้งแต่เมื่อปี 2553 แล้ว ด้านเจ้าอาวาสวัดชี้สาเหตุที่สร้างด้วยสเตนเลส เพื่อต้องการให้ประชาชนที่เดินทางเข้ามากราบไหว้พระ ได้พิจารณาดูภาพของตนเองที่ถูกสะท้อนให้เห็นในทุกมิติ จากเงาที่เกิดขึ้นบนผืนสเตนเลสภายในโบสถ์
วันนี้ (28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในเทศกาลวันเที่ยวตรุษจีนของชาวไทยเชื้อสายจีนในวันนี้ ได้มีประชาชน และนักท่องเที่ยวสนใจพากันเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวชมโบสถ์ของทางวัดหัวสวน ตั้งอยู่เลขที่ 77 ม.4 ต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่ก่อสร้างด้วยสเตนเลสทั้งหลัง ทั้งตัวอาคารของโบสถ์ รูปปั้นองค์พระ (พระพุทธรูป) หน้าต่างบานประตู รั้วกำแพง ขั้นบันได ประติมากรรมลวดลายฉลุเหนือซุ้มประตู หน้าต่าง และฝาผนัง ไม่เว้นแม้แต่ใบเสมาโดยรอบนั้น ล้วนก่อสร้างขึ้นด้วยสเตนเลสทั้งสิ้น ขณะที่โดยรอบกำแพงแก้วยังปูด้วยผืนหญ้าเทียมจนดูสวยงามอีกด้วย
สอบถามพระครูภาวนาจริยะคุณ อายุ 60 ปี พรรษา 38 เจ้าอาวาสวัดหัวสวน และเจ้าคณะอำเภอบางคล้า กล่าวถึงการสร้างโบสถ์ด้วยสเตนเลสหลังนี้ขึ้นมาว่า เนื่องจากสเตนเลสนั้นมีความคงทนและสามารถอยู่ได้นานถึง 2 พันปี อีกทั้งยังดูแลรักษา และทำความสะอาดได้ง่าย ทั้งยังแฝงด้วยธรรมะอยู่ในตัวของมันเอง เนื่องจากสเตนเลสนั้นมีความแข็งแกร่งคงทนดี โดยให้เอาอย่างแต่อย่าเอาเยี่ยงสเตนเลส เนื่องจากสเตนเลสนั้นเวลาอยู่ใกล้ไฟก็จะรับความร้อน พออยู่ใกล้ความเย็นก็รับความเย็นได้เป็นอย่างดี
“โดยให้คนเราอดทนให้ได้เหมือนอย่างสเตนเลส แต่ไม่ให้คนเรารับอารมณ์ใดๆ จากใครมาทุกข์ ไม่รับเอากิริยาของคนอื่นมาทุกข์ ไม่รับฟังคำของคนอื่นมาทุกข์” พระครูภาวนาจริยะคุณ กล่าว
นอกจากนั้น การสร้างโบสถ์ด้วยสเตนเลสยังสร้างได้อย่างสวยปิ๊งให้ดูได้ทั้งจากภายนอก ภายใน แต่เมื่อเราเข้าไปยังภายในโบสถ์แล้ว ก็ขอให้พิจารณาดูตัวเองด้วย เพราะเมื่อเข้าไปแล้วก็จะมองเห็นตัวตนเองทั้งหมดได้รอบด้าน โดยมองว่าเมื่อเราเข้าวัดแล้วเรามีความสงบบ้างไหม และพิจารณาดูความสามารถของตนเองว่ามีอะไรบ้างไหมในตัวเรา โดยดูตนเองให้เยอะๆ เพื่อสร้างภูมิต้านทาน เพื่อไม่ให้มัวไปจับผิดคนอื่นเขามากจนเกินไป อย่าไปเอาชนะคนอื่นเขามากจนเกินไป หรืออย่าไปเถียงพ่อเถียงแม่
พระครูภาวนาจริยะคุณ กล่าวว่า คนสมัยนี้ชอบมองแต่คนอื่น เห็นแต่คนอื่น แต่ไม่ยอมมองดูตนเอง จากเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จึงได้สร้างโบสถ์สเตนเลสนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นธรรมะสอนญาติโยมที่เข้ามายังที่วัดหัวสวนแห่งนี้ เมื่อมาเห็นของสวยของงามก็ให้เข้ามาทำจิตใจให้งามเหมือนกับสิ่งที่เรามากราบไหว้ก่อนกลับไป
สำหรับโบสถ์สเตนเลสหลังนี้ใช้เวลาในการทำการก่อสร้างมาเป็นเวลา 18 เดือน ด้วยเงินจำนวน 30 ล้านบาท และได้ทำการก่อสร้างแล้วเสร็จลงตั้งแต่ปลายปี 2553 และปิดทองฝังลูกนิมิตในทันที เมื่อช่วงต้นปี 2554 นอกจากโบสถ์ในวัดแห่งนี้จะสร้างด้วยสเตนเลสแล้ว ยังมีรั้วกำแพงโดยรอบวัดนั้นก็สร้างด้วยสเตนเลสด้วย ประตูก็สเตนเลส แม้แต่รถเข็นใส่ขยะภายในวัดก็ยังเป็นสเตนเลสทั้งสิ้น
โดยประติมากรรมบนฝาผนังเหนือซุ้มประตู หน้าต่าง ภายในโบสถ์นั้นจะเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้าสิบชาติ ซึ่งก็มีนัยเกี่ยวกับธรรมะอยู่ในตัวแต่ละชาติของพระพุทธเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน ที่สามารถนำมาใช้สอนคนได้ เช่น ชาติแรกนั้นก็ได้สอนถึงคนทั่วไปให้มีความอดทน มีความเพียร มีความกตัญญู มีสติปัญญา และอีกหลายๆ อย่าง โดยคนที่เข้ามาศึกษาแล้วนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันก็จะได้ประโยชน์ ส่วนคนที่ไม่ศึกษาก็จะไม่ได้อะไรกลับไป
สำหรับวัดแห่งนี้สงบ ไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก จึงเหมาะที่จะเข้ามาทำการศึกษาธรรมะเพื่อให้ได้อะไรกลับไป การเข้ามาในวัดก็เพื่อเป็นการเข้ามาทำจิตใจให้สงบ สะอาด ร่มเย็น สดชื่น กลับไปก็จะได้บุญกลับไปด้วย เพราะศาสนาพุทธนั้นต้องทำอะไรด้วยใจบริสุทธิ์บุญจึงจะเกิดขึ้น ก็จะได้บุญกลับไป
“ถ้าทำด้วยความเกรงใจก็จะได้บุญกลับไปน้อย หรือแค่เพียง 20 เปอร์เซ็นต์ของบุญที่ทำไปเท่านั้น ธรรมะที่จะฝากกลับไปในช่วงเทศกาลปีใหม่ (ตรุษจีน) ในวันนี้ ก็ขอให้ญาติโยมนั้นมีภูมิต้านทาน ด้วยการสร้างภูมิต้านทานทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ด้วยการคิด พูด ทำ ไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน” พระครูภาวจริยะคุณ กล่าว