คสช.สนธิกำลังจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะหากนอกแถวตรวจยึดเด็ดขาด

ศูนย์ข่าวศรีราชา - คสช.ร่วมกับจังหวัดชลบุรี หารือผู้ประกอบการ ฟันธง 1 กุมภาพันธ์ดีเดย์จัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ สั่งสนธิกำลังร่วมทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปูพรมเอาจริง หากพบนอกแถวใช้มาตรการตรวจยึดเด็ดขาด ขณะที่การจัดระเบียบการจราจรทางน้ำตามแผนการโยกย้ายจุดรับส่งนักท่องเที่ยวทุกประเภทเข้าสู่ระบบท่าเทียบเรือเลื่อนเป็น 16 กุมภาพันธ์ ชี้ต้องผ่อนปรนช่วงเทศกาลตรุษจีน

วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พ.อ.ภพอนันต์ เหลืองภานุวัฒน์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ จ.ชลบุรี ร่วมกับ นายเชาวลิต แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานร่วมในการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนของทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อำเภอบางละมุง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค และเมืองพัทยา รวมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ และผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวทุกประเภท เพื่อร่วมหารือ และชี้แจงแนวทางการจัดระเบียบการจราจรทางบก และทางน้ำอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากมีนโยบายที่จะดีเดย์ในการจัดระเบียบอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้

นายเชาวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า หลังจากที่ คสช.ทวงคืนพื้นที่สาธารณะจากบริเวณจุดจอดเรือท่องเที่ยวบริเวณท่าเทียบเรือพัทยาใต้สำเร็จ ผู้ประกอบการเรือกว่า 800 ลำ ได้นำเรือไปจอดตามพื้นที่เช่าหลายจุดในเขตจอมเทียน ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าลงเรือใหม่ที่กำหนดไว้ 2 จุด บริเวณซอย 11 และซอย 14 ซึ่งกรณีดังกล่าวปัจจุบันได้มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการแก้ไขกรณีของการลากจูงเรือเพื่อให้มีมาตรการตามหลักสากล โดยเฉพาะรถลาก และตัวลากจูงโดยให้ระยะเวลาแก้ไขภายใน 60 วัน หลังจากวันที่ 31 มกราคมนี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการเรือกลุ่มหนึ่งไปทำการจัดหาพื้นที่จอดเรือใหม่บริเวณข้างโรงแรมพัทยาปาร์ค ในพื้นที่กว่า 32 ไร่ ซึ่งมีความเหมาะสม สะดวกต่อการประกอบการ อีกทั้งหากเรือทั้งหมดโยกย้ายไปใช้พื้นที่ดังกล่าวก็จะเกิดความเป็นระเบียบ และลดปัญหาการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถลดปัญหาข้อจำกัดในการลากจูงเรือได้ เนื่องจากที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกับชายหาด จึงเห็นควรให้ผู้ประกอบการไปประชุมหารือเพื่อหาความชัดเจนก่อนประสานมายังเมืองพัทยา เพื่อทำการโยกย้ายงบประมาณในการขยายท่าเรือไปสร้างท่าขึ้นลงใหม่บริเวณจุดดังกล่าวต่อไป ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการที่ยังคงมีความประสงค์ในการใช้พื้นที่จอดเดิมที่ทำสัญญาเช่าระยะยาวไว้แล้ว ก็ยังคงใช้ท่าเรือที่กำหนดไว้ได้ และทำการลากจูงได้เช่นเดิม เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องของประเภทรถลาก และตัวลากจูงอย่างเคร่งครัด

นายเชาวลิตร กล่าวต่อไปว่าสำหรับนโยบายที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การโยกย้ายจุดรับส่งนัก ท่องเที่ยวบริเวณชายหาดมาสู่พื้นที่ของท่าเทียบเรือทั้งหมดนั้น นโยบายดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งแต่เดิมได้กำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป แต่จากการประชุมร่วมพบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวอาจเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก การย้ายพื้นที่จุดรับส่งมาทั้งหมดจึงอาจเกิดความวุ่นวายต่อการใช้ท่าเทียบเรือได้ ในที่ประชุมจึงผ่อนปรนให้ปรับระยะเวลากำหนดใหม่เลื่อนไปหลังช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยกำหนดไว้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะมีการจัดกำลังเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด

ด้าน พ.อ.ภพอนันต์ เหลืองภานุวัฒน์ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ จ.ชลบุรี กล่าวเพิ่ม เติมว่า การดำเนินการจัดระเบียบทางน้ำต้องปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด ซึ่งในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการปล่อยแถว และสนธิกำลังทุกภาคส่วนเข้ามาดำเนินการเฝ้าระวัง และจัดการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยหากพบว่ามีการฝ่าฝืนก็จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด สำหรับกรณีการโยกย้ายจุดจอดเรือนั้นอาจมีปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะความแออัด และความสับสนในการเข้าออกของเรือ แต่ที่จะเป็นปัญหาก็เพราะก่อนหน้านี้ได้พยายามขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการมาทดสอบการย้ายจุดแต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด จึงต้องดำเนินการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีของการรถรับจ้างต่างๆ บริเวณท่าเรือซึ่งจากนี้จะไม่อนุญาตให้มีการใช้พื้นที่ดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

เนื่องจากมีความต้องการในการแยกประเภทของท่าเรือรับส่งผู้โดยสาร และสินค้าที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยประชาชน และนักท่องเที่ยวจะใช้พื้นที่ของท่าเรือเดิม ขณะที่สินค้าจะมีการจัดพื้นที่บริเวณจุดรับส่งขยะ และสินค้าบริเวณถนนอ้อมแหลมบาลีฮาย เป็นจุดหลัก จะมีเพียงนักท่องเที่ยวสูงอายุ และผู้พิการที่จะมีการจัดบริการรถวีลแชร์ไว้บริเวณท่า รวมถึงรถกอล์ฟที่จะโดยสารสัมภาระในบางช่วงเวลาที่กำหนดให้เท่านั้น

พ.อ.ภพอนันต์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับนโยบายการจัดการจราจรทางบกนั้น จะยังคงกำหนดระยะ เวลาเดิมในการดีเดย์คือ วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ โดยผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะจะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด เช่น รถสหกรณ์สองแถวที่ต้องวิ่งตามเส้นทาง จอดรับส่งตามป้าย และไม่ให้บริการแบบเช่าเหมา ขณะที่รถแท็กซี่ รถตู้โดยสาร และรถรับจ้างต่างๆ จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่ให้ไว้โดยไม่มีข้อแม้ ทั้งนี้ จะมีการสนธิกำลังเฝ้าตรวจสอบอย่างเข้มงวดซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนก็จะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเด็ดขาดต่อไป