บุรีรัมย์ - ชาวบ้าน 5 หมู่บ้าน จ.บุรีรัมย์ กว่า 80 ครัวเรือน หันยึดอาชีพแปรรูปปลาส้ม ปลาแดดเดียว และปลาข้าวคั่วด้วยสูตรภูมิปัญญาชาวบ้านขายทั้งปลีกและส่งลูกค้าทั้งในและต่างจังหวัด สร้างรายได้ดีวันละ 3-4 พันบาท/ครัวเรือน จากเมื่อก่อนต้องทิ้งถิ่นฐานอพยพไปขายแรงงานต่างจังหวัดมีรายได้ไม่แน่นอน
วันนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านเสม็ด ม.1, บ้านข่า ม.8, บ้านโนนพลอย ม.19, บ้านโคกเพชร ม.2 และ ม.7 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กว่า 80 ครัวเรือน หันมายึดอาชีพแปรรูปปลาสดที่รับต่อมาจากแม่ค้าคนกลาง เช่น ปลานิล สวาย ยี่สก และปลาตะเพียน มาแปรรูปเป็นปลาส้ม ปลาแดดเดียว และปลาข้าวคั่วด้วยสูตรแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
โดยขั้นตอนการหมักปลาส้มจะนำปลาสดที่ซื้อมาล้างให้สะอาดทิ้งไว้สักพักให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปหมักเกลือทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง จากนั้นนำข้าวเหนียวที่คลุกเคล้ากับกระเทียมสด กระเทียมดอง และรสดีเพื่อเพิ่มรสชาติ ไปเทหมักใส่ปลาที่ผ่านการแช่น้ำเกลือแล้วจะได้ปลาส้ม
ส่วนปลาข้าวคั่ว หลังแช่น้ำเกลือแล้วนำไปคลุกกับข้าวคั่ว ปลาแดดเดียวนำไปตากแดดให้แห้งพอเหมาะ จากนั้นนำไปบรรจุใส่ถุงเพื่อเตรียมส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ โดยปลานิลส้มหรือปลานิลข้าวคั่วขายส่งตัวละ 9 บาท ขายปลีกตัวละ 12 บาท ปลาจีนส้มถุงละ 30 บาท ตะเพียนถุงละ 50 บาท
เฉลี่ยชาวบ้านจะมีรายได้จากการแปรรูปปลาส้ม แดดเดียว และปลาข้าวคั่วขายวันละ 3,000-4,000 บาทต่อครัวเรือน หักต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือวันละ 1,000-2,000บาท ซึ่งถือเป็นอาชีพที่มั่นคงสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี จากเมื่อก่อนหลังเสร็จฤดูทำนาชาวบ้านส่วนใหญ่จะทิ้งถิ่นฐานอพยพไปขายแรงงานต่างจังหวัด แต่มีรายได้ไม่แน่นอน
นางเฉลา พันธุ์แตง อายุ 50 ปี ชาวบ้านบ้านโคกเพชร บอกว่า เมื่อก่อนไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพมหานครแต่มีรายได้ไม่แน่นอนทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บ จึงตัดสินใจกลับมาบ้านก็เห็นชาวบ้านแปรรูปปลาขายมีรายได้ จึงชวนสามีทำทั้งปลาส้ม ปลาแดดเดียว และปลาข้าวคั่ว
ซึ่งสูตรหรือขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากเพราะเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เคยทำรับประทานก็ดัดแปลงทำขาย กระทั่งมีลูกค้าขาประจำ แต่ละวันจะทำส่งขาย 200-300 กิโลกรัม ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 3,000-4,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือ 1,000-2,000 บาท ถือเป็นอาชีพที่มั่นคงและมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี