พิจิตร - พ่อเมืองชาละวัน ตั้งวงทำเสวนาทำความเข้าใจริมบึงฯ เคลียร์ปมแผนพัฒนา “บึงสีไฟ” ถูกตีตก ยันทำตามแนวทางโครงการพระราชดำริ ทำบึงให้เก็บน้ำได้ 12 ล้าน ลบ.ม.แก้น้ำท่วมและน้ำแล้ง-ใช้อาคารเก่าทำอะควาเรียม ไม่มีสร้างใหม่ พร้อมชงเรื่องเสนอ มท.-สำนักงบฯ อีกรอบ
วันนี้ (20 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีสำนักงบประมาณตีตกงบประมาณพัฒนาบึงสีไฟ 837 ล้านบาท ที่มีการยื่นขอเพื่อทำโครงการขุดลอกบึง 320 ล้านบาท สร้างอะควาเรียม 517 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าจะนำเข้า ครม.เมื่อ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยที่เป็นข่าวถึงเรื่องการพัฒนาบึงสีไฟที่ก่อนหน้านี้ พล.ท.ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ออกมาทวงถามถึงงบประมาณที่สำนักงบประมาณอนุมัติให้จังหวัดพิจิตรกว่า 800 ล้านบาท ให้ดำเนินการขุดลอกบึงสีไฟเป็นแก้มลิง และก่อสร้างอะควาเรียม โดยปราศจากโครงการตามแนวพระราชดำริ เป็นเหตุส่งผลให้สำนักงบประมาณตีกลับเรื่อง ให้จังหวัดพิจิตรไปทบทวนโครงการ
ล่าสุด นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เชิญ พล.ท.ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ที่ตั้งข้อสังเกตถึงโครงการพัฒนาบึงสีไฟดังกล่าวไม่มีโครงการพัฒนาตามแนวทางพระราชดำริ จนโครงการถูกตีตกมานั่งพูดคุยทำความเข้าใจกันเมื่อเย็นวานนี้ (19 ม.ค.) ที่ริมบึงสีไฟ
ผลจากการตั้งวงเสวนาพูดคุยทำความเข้าใจ ได้ข้อสรุปรวม 4 ประเด็น คือ ทุกฝ่ายมีแนวทางการพัฒนาบึงสีไฟเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีข้อขัดแย้ง และจังหวัดพิจิตรจะนำโครงการพัฒนาบึงสีไฟเข้า กปร.อย่างแน่นอน สำหรับการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างต่างๆ จะดำเนินการเท่าที่จำเป็น ควบคู่กับการรักษาระบบนิเวศไปพร้อมกัน
พล.ท.ฉลวยกล่าวว่า ยินดีสนับสนุนผลักดันงบประมาณของจังหวัดพิจิตร เพื่อพัฒนาบึงสีไฟต่อไป
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าการพัฒนาบึงสีไฟภายใต้การขอสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ประมาณ 837 ล้านบาทนั้นจะดำเนินการทั้งบนบก และในน้ำตามแนวทางโครงการพระราชดำริ
สำหรับการก่อสร้างอะควาเรียม ไม่ใช่การก่อสร้างใหม่ แต่จะพัฒนาปรับปรุงของเก่าที่มีอยู่เดิมให้ทันสมัย และรักษาระบบนิเวศไปพร้อมกัน และยืนยันว่าจะทำให้บึงสีไฟให้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมได้ จากที่เก็บน้ำได้ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มเป็น 12 ล้านลูกบาศก์เมตร
“หลังจากนี้จะได้เร่งทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ผอ.สำนักงบประมาณต่อไป”
