ลำปาง - ผู้จัดการแบงก์กรุงเทพ สาขาสบตุ๋ย-ลำปาง ติดต่อสื่อแจงยิบข่าวประตูกระจกหนีบมือลูกค้านิ้วขาด ยันสำนักงานใหญ่-บริษัทประกันดูแลเต็มที่ ไม่พอใจค่าสินไหมทดแทนอุทธรณ์ได้ รับเคยเกิดเหตุคล้ายกันมาก่อน คราวนั้นหนีบนิ้วลูกค้าเลือดไหล
เมื่อเวลา 15.00 น.เศษ วันนี้ (18 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจากนายชลิตร์ คุณวุฒิ ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพสาขาสบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง เพื่อขอชี้แจงกรณีที่ลูกค้าของธนาคารถูกประตูหนีบมือจนนิ้วขาดครึ่งข้อ หลังจากช่วงเช้าผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อหรือเข้าพบได้ โดยพนักงานของธนาคารชี้แจงว่า “ผู้จัดการติดประชุม”
นายชลิตร์เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกค้าเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 59 ขณะเกิดเหตุตนติดต่อลูกค้าอยู่นอกธนาคาร ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่พนักงานโทรศัพท์แจ้งจึงรู้ เมื่อเกิดเหตุพนักงานได้ติดต่อ อปพร.เข้ามารับลูกค้าไปที่โรงพยาบาล
เมื่อถามว่าลูกค้าขอให้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายฯ ก่อน ทางพนักงานธนาคารไม่ยอมให้ไป แต่ให้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์แทนจริงหรือไม่ นายชลิตร์เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบ แต่รู้ว่า อปพร.นำไป และไม่ได้ถามพนักงาน แต่พอรู้ว่าลูกค้าไปที่โรงพยาบาลศูนย์ ตนก็ตามไปดู ขณะนั้นลูกค้าก็รู้สึกตัวดี และยังบอกว่าไม่เป็นไร เป็นความประมาทของตัวเองที่ไม่ระวัง หลังจากนั้นก็ได้ไปเยี่ยมอีกครั้งเพื่อสอบถามค่าใช้จ่าย ลูกค้าบอกว่าไม่เยอะและไม่ได้เก็บใบเสร็จไว้ ตนก็ได้บอกลูกค้าว่าหากต้องการให้ทางธนาคารฯ ช่วยเหลือส่วนไหนอีกก็ให้ทำเรื่องมา ลูกค้าก็ส่งเรื่องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมาเมื่อ 7 พ.ย. 59
จากนั้นสาขาฯ ก็ส่งเรื่องให้สำนักงานใหญ่ เพื่อประสานบริษัท กรุงเทพประกันภัย เพื่อพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งก็ต้องมีการขอเอกสารต่างๆ เพิ่มเติม สาขามีหน้าที่เพียงการส่งข้อมูล ส่วนการตัดสินใจอยู่ที่สำนักงานใหญ่ และบริษัทประกันภัย แต่ก็ไม่ถือว่าช้า เพราะการพิจารณาเบื้องต้นส่งกลับมาปลายเดือนธันวาคม 59 ซึ่งตรงกับช่วงหยุดปีใหม่จึงทำให้ข้ามปี
กระทั่งเมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ทางผู้แทนบริษัทประกันภัยก็เดินทางมาเจรจาเอง โดยที่ทางสาขาไม่ทราบเรื่องเช่นกัน ส่วนค่าสินไหมที่ทางบริษัทประกันภัย พิจารณาให้เท่าไหร่ และลูกค้าไม่พอใจก็ยังสามารถอุทธรณ์ได้ และก็ได้นำกลับไปพิจารณาแล้วซึ่งจะได้รับคำตอบในวันที่ 20 ม.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า นอกจากบริษัทประกันภัยที่จะต้องจ่ายค่าสินไหมโดยตรงอยู่แล้วในส่วนธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างอื่นหรือไม่ นายชลิตร์กล่าวว่า ตนก็เข้าไปดูแลตั้งวันเกิดเหตุแล้ว และได้เข้าไปสอบถามค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ายื่นเรื่องเข้ามา เพื่อทางธนาคารจะได้ส่งให้สำนักงานใหญ่ เพราะสาขาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากมีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านนี้แม้ว่าจะไม่มีการระบุชื่อธนาคาร แต่ปรากฏว่ามีผู้ที่อ่านข่าวได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งนี้เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขึ้นแล้ว ก็แสดงว่าอุบัติเหตุลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่ นายชลิตร์กล่าวยอมรับว่าเคยเกิดขึ้นจริง แต่ครั้งนั้นเป็นความรีบร้อนของลูกค้าที่ผลักประตูและนิ้วไปชนเข้ากับขอบบานกระจกเลือดออก ตนเองก็ช่วยรักษาพยาบาลเรียบร้อย แต่รายนี้อาการหนักกว่า
นายชลิตร์ยังได้เล่าว่า จากที่ดูกล้องวงจนปิดจะเห็นว่าขณะเกิดเหตุลูกค้ามากับหลานสาวสองคน หลานสาวเปิดประตูออกไปก่อน โดยการดึงประตูเข้ามาหาตัวเอง หลังจากนั้นลูกค้าก็ใช้มือจับเข้าที่ขอบประตู และดันมาข้างหลังโดยเดินเอาตัวออก แต่มือยังถือประตูไว้ และรูดขอบประตูเดินออกมา เป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูอีกบานสวิงพับเข้ามาพอดีซึ่งลูกค้าก็เดินออกจากประตูไปแล้วและไปรู้สึกตัวอีกทีเมื่อเดินไปอยู่ที่ฟุตปาธ
“เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นพนักงานก็เข้าไปช่วยเหลือพาเข้ามานั่งในอาคาร หายาให้ดมและเรียก อปพร.นำส่งโรงพยาบาล”
ส่วนประตูธนาคาร ตนได้ให้ช่างมาซ่อมแก้ไขในบางส่วน แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการแก้ไขหรือเปลี่ยนอะไรบ้าง โดยเสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 1 หมื่นบาท แต่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา ตนเองต้องการให้ลูกค้าปลอดภัยมากกว่า