ลำปาง - สาวเมืองรถม้าสุดซวย เดินเอาเงินเข้าฝากแบงก์เจ้าประจำย่านสบตุ๋ย-ลำปาง ขากลับถูกประตูหนีบนิ้วมือขาดกระเด็น จนเป็นลมล้มพับคาที่ แต่ธนาคารกลับให้ใช้สิทธิบัตรทองรักษาจนเสียนิ้วไปทั้งชีวิต แถมโยนประกันเจรจาจ่ายสินไหมแค่ 103,000 บาท
วันนี้ (17 ม.ค.) น.ส.นารีรัตน์ ไชยวงค์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/1 ม.5 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง พร้อมด้วยญาติ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ถนัด เครือวัง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง หลังพนักงานสอบสวนได้มีหมายเรียกให้ผู้จัดการธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งในย่านสบตุ๋ย จ.ลำปาง มาเจรจาเรื่องค่าเสียหาย
ทั้งนี้ เนื่องจาก น.ส.นารีรัตน์ ได้รับบาดเจ็บจากกรณีประตูปิด-เปิดของธนาคารหนีบนิ้วมือจนขาด แต่ทางธนาคารได้โยนความรับผิดชอบให้แก่บริษัทประกันภัยเจรจาค่าเสียหาย ซึ่งบริษัทประกันภัยเสนอจ่ายค่าสินไหมให้เพียง 103,000 บาทเท่านั้น
น.ส.นารีรัตน์เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 59 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารสาขาหนึ่งย่านสบตุ๋ย ได้นำเงินเข้าไปฝากกับธนาคาร เมื่อทำธุรกรรมทางการเงินเสร็จก็เดินออกจากธนาคารผ่านประตูกระจกปิด-เปิดตามปกติ แต่จู่ๆ พอเดินพ้นประตู ตนก็รู้สึกเย็นวาบที่มือ เมื่อยกมือขึ้นดูก็พบว่ามีเลือดพุ่งออกมาจำนวนมาก และเห็นนิ้วกลางของตนถูกตัดขาดตกอยู่กับพื้น ตนพยายามจะเอื้อมไปหยิบนิ้ว แต่ก็ตกใจจนเป็นลมไปก่อน หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาช่วยเหลือ หลานสาวที่ไปด้วยขอให้นำตัวส่งโรงพยาบาลค่ายฯ พนักงานธนาคารถามหลานสาวว่ามีประกันหรือไม่ หลานสาวบอกว่าไม่มี พนักงานธนาคารจึงให้นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลลำปาง โดยใช้สิทธิรักษาบัตรทอง 30 บาท
ทั้งนี้ ตนเข้าไปรอตั้งแต่ 10.00 น.เศษ จนถึงบ่าย 2 โมงเศษก็ยังไม่ได้รับการรักษา จนเป็นลมหมดสติไปเป็นรอบที่ 2 และขอให้ผู้จัดการธนาคารส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเขลางค์นครรามแทน แต่ผู้จัดการไม่ยอม โดยให้ตนเองรอรักษาที่โรงพยาบาลลำปางต่อไป โดยต้องรอจนเกือบ 1 ทุ่มจึงได้รับการรักษา ทำให้ไม่สามารถนำนิ้วมือที่ขาดไปมาต่อให้เหมือนเดิมได้อีก
น.ส.นารีรัตน์เปิดเผยอีกว่า หลังจากเกิดเหตุทางธนาคารมาเยี่ยม 1 ครั้ง และโยนให้ทางบริษัทประกันภัยเป็นผู้มาเจรจาค่าเสียหาย และไม่ให้ตนเองบอกสื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมรับปากว่าจะช่วยเหลือให้มากที่สุด โดยเอาตำแหน่งผู้จัดการเป็นประกัน ซึ่งตนเองได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองลำปาง แล้ว
แต่หลังจากนั้นรอแล้วรออีกก็ไม่เห็นมีวี่แววใดๆ ที่ผู้จัดการธนาคารจะออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงได้ทำหนังสือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไปยังธนาคารเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 59 และธนาคารได้ตอบกลับมาเมื่อวันที่ 23 พ.ย.59 ว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนจึงได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดลำปาง
กระทั่งวันนี้ทาง คปภ.ได้เรียกบริษัทประกันภัยของธนาคารดังกล่าวมาเจรจา ซึ่งมีผู้รับมอบอำนาจมาเจรจาแทน เบื้องต้นทางบริษัทประกันภัยได้ยอมรับว่าเป็นผู้รับประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกของธนาคารจริง จำนวนจำกัดความรับผิด
สำหรับความบาดเจ็บทางร่างกาย และความเสียหายต่อทรัพย์สิน ไม่เกิน 3 แสนบาทต่อสาขาต่ออุบัติเหตุ 1 ครั้ง กรณีนี้ทางบริษัทได้รับคำร้องของผู้เสียหายแล้ว โดยเรียกร้องเป็นเงิน 7 แสนบาท แต่ทางบริษัทฯ พิจารณาแล้วสามารถจ่ายให้ได้เพียงค่ารักษาพยาบาล 1,780 บาท ค่าชดเชยค่าจ้างคนงานจำนวน 1 คน วันละ 300 บาท 3 เดือน เป็นเงิน 27,000 บาท และค่าชดเชยการสูญเสียจากการรับงานซักอบรีดเสื้อผ้า จำนวน 75,000 บาท รวมเป็นเงิน 103,780 บาท เท่านั้น
น.ส.นารีรัตน์กล่าวอีกว่า ข้อเสนอของทางบริษัทประกัน ตนรับไม่ได้ เพราะการสญเสียนิ้วมือไป 1 ข้อ ทั้งยังต้องรักษาตัวอีกหลายเดือนกว่าจะทำงานได้ รวมทั้งอวัยวะของร่างกายที่ไม่ปกติไปตลอดชีวิต
ขณะที่ตนนอกจากจะรับจ้างซักรีดแล้วยังทำงานให้กับร้านเพชรร้านทอง ด้วยการนำแหวนเพชร เครื่องประดับไปเสนอขายให้ลูกค้า ที่ผ่านมาก็ต้องใช้มือในการทดลองสวมแหวนให้ลูกค้าดูด้วย หลังจากนี้ตนยอมรับว่าคงไม่มั่นใจอีกแล้วเพราะนิ้วขาด ทำให้ตนเองสูญเสียรายได้ตรงนี้ไปอีก จึงเรียกร้องให้ชดเชยค่าเสียหายเต็มวงเงินที่บริษัทประกันต้องรับผิดชอบ
แต่เมื่อทางบริษัทฯ ยังคงยืนยันจะจ่ายเพียงเท่านี้ ตนก็ขอใช้สิทธิในการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อไป ในส่วนตัวรู้สึกเสียความรู้สึกกับทางธนาคารเป็นอย่างมาก ทั้งที่ตนเป็นลูกค้าของธนาคารมากว่า 15 ปีแล้ว น่าจะเข้ามาดูแลลูกค้ามากกว่านี้ ไม่ใช่โยนให้แค่บริษัทประกันมาออกหน้าแทนโดยไม่ดูแลความรู้สึกของลูกค้าเลย