ฉะเชิงเทรา - สาวใจเด็ดลุยเดี่ยวแอบติดตามรถขนส่งกุ้งขาวจากบ่อเลี้ยงของเกษตรกรไปยังแพรับซื้อ พบระหว่างทางแอบยักยอกขายกุ้งให้แก่ผู้รับซื้อในขบวนการที่เข้ามาลักลอบรับซื้อ โดยตัดสินใจขับรถเข้าขวางปิดเส้นทางพร้อมแจ้งตำรวจเข้ามาควบคุมตัวไปดำเนินคดี
วันนี้ (16 ม.ค.) นางอารีย์ ศรีสุข อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/14 ม.1 ต.ท่าทองหลาง อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ได้เปิดเผยถึงขบวนการฉ้อโกงเกษตรกรอย่างแนบเนียนเลือดเย็นของแพรับซื้อกุ้งย่าน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ตนได้แอบขับรถติดตามดูรถขนส่งกุ้งขาวสด ที่เพิ่งจับขึ้นมาจากบ่อเลี้ยงเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เพื่อนำไปส่งยังแพรับซื้อกุ้งแห่งหนึ่ง ที่ทางครอบครัว คือ มารดา และพี่ชายได้เคยตกลงส่งขายให้แก่พ่อค้ารายนี้อยู่เป็นประจำ
จากการที่ได้ทำการซื้อขายกันมานานหลายครั้งแล้ว และทางเจ้าของแพรับซื้อแห่งนี้ก็ยังได้มีการรับรองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า รถขนส่งของทางแพที่ส่งให้ไปรับกุ้งขาว มาจากบ่อเลี้ยงของเกษตรกรนั้นจะไม่มีการจอดแวะที่ใดอย่างเด็ดขาด โดยหลังจากนำกุ้งสดที่เพิ่งจับขึ้นมาจากบ่อเลี้ยงขึ้นรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องรีบขับรถเข้ามาส่งให้ถึงยังแพ เพื่อทำการคัดแยกขนาดในทันที ทางครอบครัวจึงได้เชื่อใจ และทำการค้าขายกุ้งขาวสดมาให้ถึง 8 บ่อแล้ว โดยแต่ละบ่อนั้นจะได้กุ้งขาว น้ำหนักรวมประมาณ 3-4 ตัน เป็นอย่างน้อย
โดยในวันนี้ มารดาตนได้ไหว้วานให้มาช่วยพี่ชายตามดูกุ้งที่กำลังจะจับไปส่งยังแพ โดยที่ทางแพรับซื้อแห่งนี้นั้นได้ส่งรถยนต์กระบะมารับ จำนวน 2 คัน โดยคันแรกนั้นได้ขับออกจากบ่อเลี้ยงในเขตพื้นที่ ม.4 ต.บางสวน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ไปก่อนหน้าแล้วเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา โดยมีคนในบ้านติดตามไปด้วย จึงยังไม่พบปัญหา
ส่วนรถคันที่ 2 นี้ เมื่อจับกุ้งใส่มาจนเต็มคันรถแล้ว มารดาตนได้บอกให้ตนติดตามขึ้นมาบนรถของทางแพที่ส่งมารับกุ้ง แต่ตนเห็นว่าหากเราต้องการจะตรวจสอบความซื่อตรงของแพรับซื้อกุ้งแห่งนี้ก็ไม่ควรที่จะนั่งมาบนรถคันเดียวกันกับเขา จึงได้แอบขับรถติดตามดูอยู่ห่างๆ เพียงลำพัง และก็ได้มาพบกับความผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ
โดยระหว่างทางของการขนส่งรถคันที่ 2 ที่ทำการขนส่งกุ้งมาบนรถจำนวนกว่า 1 ตันนั้น ได้ขับออกนอกเส้นทางการขนส่ง โดยที่ยังมีรถที่คอยมาแอบลักลอบรับซื้อกุ้งระหว่างทาง ขับติดตามเข้ามา และมีการแบ่งกุ้งออกขายให้แก่รถคันที่ติดตามมารับซื้ออีกด้วย เมื่อตนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาจึงได้ทำการถ่ายภาพเอาไว้ และรีบโทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ให้นำกำลังเข้ามาทำการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไปดำเนินคดี เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณภายในซอยเล็กๆ แยกจากถนนเลียบคลองชลประทาน ใกล้กับร้านอาหารครัวบางไผ่ ในเขตสถานีตำรวจภูธรเมือง พอดี
ในระหว่างที่รอทางเจ้าหน้าที่อยู่นั้น รถของทางแพกุ้ง ซึ่งมีคนขับชื่อ นายดุ่ย ได้แอบขับรถหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จึงสามารถทำการควบคุมตัว นายประกาศ โบราณ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 ม.4 ต.โคกขี้หนอน อ.พานทอง จ.ชลบุรี และ น.ส.แสงณพา แย้มศิริ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/25 ม.6 ต.โคกเพลาะ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี สองสามีภรรยาที่แอบลักลอบเข้ามารับซื้อกุ้งระหว่างทาง พร้อมด้วยรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ขพ 8615 ชลบุรี และกุ้งขาวสด ขนาด 50 ตัว/กก. จำนวน 75 กิโลกรัม ถังแบ่งถ่ายใส่กุ้ง 2 ใบ
หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทางครอบครัว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งนำโดย ร.ต.อ.พิศิษฐ์ คณาสิทธิ์กุล หัวหน้าชุดปราบปรามพิเศษ สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ได้เข้าไปทำการสอบถามถึงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากทางเจ้าของแพรับซื้อกุ้งดังกล่าว กลับถูกปฏิเสธว่า ตัวเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นต่อการกระทำที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แต่อย่างใด โดยผู้ที่ลงมือกระทำนั้นเป็นเพียงลูกน้องคนงานในแพเท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น นายดุ่ย นั้นเป็นน้องภรรยาของเจ้าของแพรับซื้อกุ้งแห่งนี้ ส่วนผู้ที่มารับซื้อกุ้งนั้นก็เป็นญาติห่างๆ ของเจ้าของแพกุ้งแห่งนี้อีกเช่นกัน
โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นยังไม่สามารถประเมินมูลค่าที่แน่ชัดได้ เนื่องจากไม่ทราบว่าเขาทำมาแล้วกี่ครั้ง แต่เชื่อว่าไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอนเพราะมีลักษณะในการกระทำที่คล่องแคล่ว และกุ้งนั้นเป็นสัตว์น้ำที่มีมูลค่าสูง โดยที่ผ่านมา ได้ส่งขายให้แก่แพแห่งนี้มาแล้วมากถึง 8 บ่อ รวมน้ำหนักหลายสิบตัน ในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกุ้งขนาด 50-60 ตัว/กก. นั้น มีราคากิโลกรัมละ 200-220 บาท ในวันนี้พบถูกแบ่งขายออกไปเท่าที่ติดตามจับได้ต่อหน้าต่อตา รวม 75 กก. หากคิดเป็นเงินก็จะมีมูลค่าถึง 16,500 บาท
“ขออยากฝากเตือนภัยจากการฉ้อโกงของพ่อค้าให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งที่มีเป็นจำนวนมากใน จ.ฉะเชิงเทรา และทั่วประเทศว่า ต้องระมัดระวังเหตุการณ์ฉ้อโกงในทำนองนี้เอาไว้ด้วย เนื่องจากกุ้งเป็นสัตว์น้ำที่เลี้ยงยาก เกษตรกรกว่าจะเลี้ยงให้เจริญเติบโตจนขายได้นั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงมีมูลค่าสูง และราคาค่อนข้างแพง หากมาถูกฉ้อโกงแบบนี้ก็น่าเสียดายหากคิดเป็นเงินแล้วก็มีมูลค่าค่อนข้างมาก และถ้าเป็นไปได้อยากให้เลิกใช้วิธีการขายแบบนี้ ที่จับกุ้งออกมาจากบ่อ และนำมาคัดแยกชั่งน้ำหนักยังที่แพเสียที เพราะมีช่องโหว่ระหว่างทางการขนส่ง” นางอารีย์ กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.ศิษฏ์ พูลวงศ์ รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เบื้องต้นสามารถทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่มารอรับซื้อกุ้งเอาไว้ได้ แต่ผู้ก่อเหตุแอบลักลอบแบ่งกุ้งของเกษตรกรออกมาขายนั้นได้ขับรถหลบหนีไปก่อนแล้ว จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อผู้ที่มารับซื้อกุ้งว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ และรับซื้อของโจร” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป