พิษณุโลก - นักธุรกิจหนุ่มค้าข้าวชาวเมืองสองแคว จอดปิกอัพ-ถอดรองเท้าทิ้งไว้ ก่อนโดดลงคลองชลประทาน หายไร้ร่องรอยตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังหาไม่พบ เมียมาเห็นรถร่ำไห้เสียงลั่น พร้อมจุดธูปไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทางให้หาร่างสามีเจอ คาดเครียดหนี้ล้น-โรครุม
วันนี้ (16 ม.ค.) ร.ต.อ.พีรพันธ์ กันหมุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถกระบะจอดอยู่ริมคลองชลประทานอย่างผิดสังเกตบริเวณใกล้สะพานข้ามคลองชลประทาน หมู่ 2 บ้านท่าไชย ต.มะตูม อ.พรหมพิราม ตั้งแต่ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาแต่ไม่พบตัวคนขับ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ
ก่อนหน้านี้มีนางเกสร รักเรือง อายุ 59 ปี ที่ได้แจ้งความเอาไว้ว่าสามีคือนายวันชัย รักเรือง อายุ 59 ปี พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 46/1 หมู่ 2 ต.ไผ่ขอดอน อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้หายตัวออกจากบ้านไปพร้อมรถกระบะ 1 คัน เกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือเหตุร้ายขึ้นกับสามี
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ณษ 1140 กทม.จอดดับเครื่องยนต์นิ่งสนิทอยู่บนถนนลูกรังใกล้กับคลองชลประทาน โดยประตูรถไม่ได้ล็อกเอาไว้ และมีกุญแจเสียบคาอยู่ ภายในรถพบทรัพย์สินของมีค่ายังอยู่ครบ นอกจากนี้ ตรวจสอบบริเวณริมคลองชลประทานยังพบรองเท้าแตะพลาสติกสีดำถูกถอดเอาไว้ในพงหญ้า 1 คู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมานางเกสร รักเรือง อายุ 59 ปี ที่ได้แจ้งความเอาไว้ว่าสามีคือนายวันชัย รักเรือง ได้หายตัวออกจากบ้านไปพร้อมรถกระบะ 1 คัน เกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือเหตุร้ายขึ้นกับสามี ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุท่ามกลางไทยมุงจำนวนมาก เมื่อนางเกสรเห็นรถกระบะคันดังกล่าวถึงกับร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจทันที พร้อมกับยืนยันว่ารถกระบะคันดังกล่าวเป็นของสามีที่หายออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานนี้จริง โดยที่เกิดเหตุไม่พบตัวสามี คาดว่าอาจจะเครียดเรื่องปัญหาส่วนตัวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถึงขั้นตัดสินใจออกมากระโดดน้ำที่คลองชลประทานกลางดึกเพื่อหวังฆ่าตัวได้ก็เป็นได้ โดยนางเกสรได้จุดธูปเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทางขอให้พบร่างสามีด้วย
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังทีมกู้ภัย นำชุดประดาน้ำลงงมค้นหานานในคลองชลประทาน กว่า 2 ชม. แต่ก็ยังไม่พบร่างนายวันชัยแต่อย่างใด คาดว่าอาจถูกกระแสน้ำที่ไหลแรงพัดพาร่างออกไปไกลจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งจะแจ้งไปยังชาวบ้านละแวกใกล้เคียงช่วยกันสอดส่องดู หากพบเห็นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
ด.ต.เจษฎาภรณ์ บุญดา อายุ 42 ปี ญาติห่างๆ ของผู้สูญหายบอกว่า นายวันชัยรู้จักคุ้นเคยกับพ่อตาของตนเองเป็นอย่างดี และมีอาชีพรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาด้วยกันหลายครั้ง ถือว่าเป็นคนมีฐานะพอสมควร แต่ระยะหลังราคาข้าวเปลือกตกต่ำทำให้ขาดทุนและมีหนี้สินจำนวนกว่า 4 ล้านบาท อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นายวัยชัยเกิดความเครียด อีกทั้งยังมีโรคประจำตัวอยู่หลายโรคด้วยกัน จึงตัดสินใจขับรถกระบะออกมาจากบ้านแล้วมากระโดดน้ำฆ่าตัวตายก็เป็นได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำญาติเพื่อสรุปเหตุอย่างละเอียดต่อไป