xs
xsm
sm
md
lg

โซเชียลฯ กระหน่ำ! ผู้ปกครองสุรินทร์โพสต์ลูกเลือดอาบเสื้อกลับบ้าน จวกครูไม่แจ้ง-ผวาเด็กตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้ปกครองชาวสุรินทร์โพสต์ภาพลูกชายเลือดอาบเต็มเสื้อกลับจากโรงเรียน จวกครูเกิดเหตุไม่แจ้งทันที หวั่นเด็กเป็นอันตรายถึงตาย เพราะมีโรคประจำตัวเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว  ชาวโลกออนไลน์กระหน่ำวิจารณ์
สุรินทร์ - ผู้ปกครองเมืองช้างโพสต์ภาพลูกชายเลือดอาบเต็มเสื้อกลับจากโรงเรียน จวกครูเกิดเหตุไม่แจ้งทันที หวั่นเด็กเป็นอันตรายถึงตายเพราะมีโรคประจำตัวเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ด้านชาวโลกออนไลน์แห่แชร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์กระหน่ำทั้งทางบวกและลบ ด้านครูเต้นแจงเป็นอุบัติเหตุและใส่ใจดูแลเด็กเต็มที่ พร้อมทำความเข้าใจทุกฝ่าย แพทย์ยันเด็กปลอดภัยไม่กระทบโรคเดิม



วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี “jittawattana kitkla” ได้โพสต์ภาพเสื้อชุดนักเรียนสีขาวเลอะเต็มไปด้วยคราบเลือดของเด็กชายคนหนึ่ง หลังประสบอุบัติเหตุในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมระบุข้อความว่า ลูกกลับจากโรงเรียนสิ่งที่เห็นคือเลือดเต็มเสื้อ แต่ผู้ปกครองเพิ่งมารู้ตอนลูกกลับบ้านเพราะครูไม่แจ้ง และครูบอกว่าที่ไม่แจ้งเพราะกลัวผู้ปกครองตกใจ แล้วหากเด็กเสียชีวิตเหตุเลือดไหลไม่หยุด เพราะน้องเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะทำอย่างไรช่วยตอบที

หลังโพสต์นี้ได้แพร่ในโชเซียลมีเดียตั้งแต่เมื่อเวลา 16.04 น.วันที่ 9 ม.ค เป็นต้นมา ชาวโลกออนไลน์ได้ให้ความสนใจพากันแชร์เป็นจำนวนมากและแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ทั้งแง่บวกและลบกันอย่างกว้างขวาง

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่า เด็กนักเรียนที่กล่าวถึงคือนักเรียนโรงเรียนบ้านบักดอก ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ทราบชื่อ ด.ช.คณิศร หรือน้องไบรท์ สุขจิตร อายุ 5 ขวบ 5 เดือน เป็นนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนบ้านบักดอก

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านบักดอก ได้พบกับ น.ส.วารี ช่างประเสริฐ ครูประจำชั้นอนุบาลโรงเรียนบ้านบักดอก ครูวารีเล่าว่า ในช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาพักเที่ยงของวันที่ 9 ม.ค. บรรดาครูกำลังรับประทานอาหารกัน ส่วนเด็กๆ พากันวิ่งเล่นในช่วงพักเที่ยง โดยน้องไบรท์กับเพื่อนๆ ได้เล่นหยอกล้อกันอยู่ที่บริเวณสนามหน้าโรงเรียนก่อนล้มไปถูกของแข็งคิ้วซ้ายแตกเลือดไหลอาบลงมาที่แก้ม ครูได้ช่วยกันเช็ดเลือดและทำแผลในเบื้องต้น พร้อมประสานไปยังหน่วยกู้ชีพตำบลปรือ แต่อาสากู้ชีพติดภารกิจรับคนป่วยรายอื่น จึงประสานไปยังอาสากู้ชีพตำบลตานี พื้นที่ใกล้เคียงมารับตัวไปส่งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลปรือ ทางพยาบาลให้การรักษาเบื้องต้น และมีบาดแผลต้องเย็บจึงส่งตัวไปรักษาเย็บบาดแผลที่โรงพยาบาลปราสาท

ส่วนตนเป็นครูประจำชั้นได้เดินทางไปด้วยกันกับนักเรียนที่บาดเจ็บ ช่วยประสานงานในการรักษา เย็บบาดแผล และรับยามาให้เด็ก จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน 15.00 น.จึงเดินทางกลับมาที่โรงเรียน และป้าของเด็กเรียนก็มารับตัวเด็กกลับบ้าน พร้อมได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ป้าเด็กทราบแล้ว

“อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ไม่ได้โทรศัพท์บอกผู้ปกครองเด็กนักเรียนเพราะตกใจมากทำอะไรไม่ถูก โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไปที่โรงพยาบาลด้วย และได้เดินทางไปขอโทษยายของน้องไบรท์ถึงบ้านเพื่อทำความเข้าใจ ทางบ้านเด็กเองไม่ได้ติดใจอะไรและเข้าใจกันดีแล้ว” ครูวารีกล่าว

ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ สาพิมพา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบักดอก กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนทางโรงเรียนได้ใส่ใจและดูแลเด็กอย่างเต็มที่ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะวิ่งเล่นหยอกล้อกันล้มไปถูกของแข็งคิ้วซ้ายแตก ทางครูและโรงเรียนนำตัวเด็กไปรักษายังโรงพยาบาลใกล้เคียงก่อนไปรักษาเย็บบาดแผลที่โรงพยาบาลปราสาท เราทำตามขั้นตอน เด็กไม่ได้กลั่นแกล้งกัน แต่เกิดจากการเล่นหยอกล้อกันเล่น และเด็กนักเรียนในโรงเรียนทำประกันชีวิตไว้ทุกคน

“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะญาติของเด็กนำไปลงในโลกโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่แม่ของเด็ก แต่ทางโรงเรียนได้แจ้งป้าของเด็กนักเรียนตอนที่มารับเด็กกลับบ้านช่วงเลิกเรียนเพื่อทำความเข้าใจกันตั้งแต่แรกไปแล้ว” นายศักดิ์สิทธิ์กล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักของน้องไบรท์ ในหมู่บ้านโคกพล หมู่ 17 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ได้พบกับตา ยาย น้า ป้า ลุง และญาติๆ รวมทั้งน้องไบรท์ที่ไม่ได้เดินทางไปโรงเรียน ซึ่งในวันนี้พบว่าน้องไบรท์มีผ้าปิดแผลติดที่คิ้วซ้าย บาดแผลมีอาการบวมเล็กน้อย น้องไบรท์ยังเล่นและพุดคุยด้วยท่าทางเป็นปกติ ไม่ซึมเศร้า

นางมาลี พรหมา อายุ 54 ปี ยายของน้องไบรท์บอกว่า ลูกสาวตนแต่งงานมีลูก 2 คน คนโตเป็นลูกชาย คือ น้องไบรท์ และน้องสาวอีกคน พ่อและแม่น้องไบรท์ไปรับจ้างทำงานที่จังหวัดปทุมธานี กลับมาบ้านช่วงปีใหม่ และได้เดินทางกลับไปทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก 2 คน โดยเฉพาะน้องไบรท์ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตรวจพบเมื่ออายุ 3 ขวบเศษ ทำการรักษาต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แม่กับพ่อต้องไปหาเงินเพื่อมารักษาน้องไบรท์เพราะทางบ้านค่อนข้างลำบากยากจน ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น หลานกลับมาบ้านมีเลือดที่เสื้อเลอะไปหมด และมีบาดแผลที่คิ้วซ้าย ตนตกใจมากกลัวว่าหลานจะเป็นอะไรมาก และคุณครูประจำชั้นได้มาทำความเข้าใจกันที่บ้านแล้วหลังจากพาน้องไบรท์ไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งตนไม่ได้ติดใจอะไรกัน

ทางด้าน น.ส.จิตตวัฒนา คิดกล้า น้าของน้องไบรท์ คนต้นเรื่องที่นำภาพและข้อความโพสต์ในโลกโซเชียลมีเดีย บอกว่า ตนตกใจมากที่เห็นหลานกลับมาถึงบ้านมีเลือดเลอะตามเสื้อผ้ามีบาดแผลที่คิ้วซ้ายจึงเรียกหลานมาและถอดเสื้อออกถ่ายภาพไปลงเฟซบุ๊กในนามชื่อตนเอง อยากเรียกร้องให้คุณครูที่โรงเรียนรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไมคุณครูที่โรงเรียนไม่แจ้งผู้ปกครองให้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทันที เนื่องจากตนเป็นห่วงหลาน เพราะหลานเป็นโรคมะเร็งที่เม็ดเลือดขาว เกรงว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตเด็ก อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าเมื่อโพสต์ลงเฟซบุ๊กแล้วจะมีคนมาแสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องการให้ใครมาด่าโจมตีใคร และได้ลบกระทู้ออกไปแล้ว ส่วนคุณครูประจำชั้นอนุบาลน้องไบรท์เองเป็นครูที่เคยสอนตนมาก่อนและได้ทำความเข้าใจกันแล้ว ไม่ได้โกรธครูแต่อย่างใด ทุกคนเข้าใจกันหมดแล้ว

ขณะที่ นพ.ชุมนุม วิทยานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปราสาท กล่าวในเรื่องนี้ว่าทางโรงพยาบาลปราสาทได้รับเด็กชายอายุ 5 ขวบ 5 เดือน มาทำการรักษามีประวัติเป็นมะเร็งที่เม็ดเลือดขาว โดยมารับการรักษาบาดแผลคิ้วซ้ายยาวประมาณ 1 เซนติเมตร แต่ไม่ลึกสาเหตุเกิดจากการวิ่งหกล้ม ไม่มีอาการสลบ ปวดศีรษะ คลื่นไส้แต่อย่างใด และดูประวัติการเจาะเลือดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 59 ผลการเจาะเลือดปกติดี แพทย์ผู้รักษาได้ทำการล้างบาดแผล เย็บแผล ให้ยาแก้ปวดแก้อักเสบ และได้แนะนำให้ทำการล้างแผลที่โรงพยาบาลประจำตำบล และผลการรักษาไม่กระทบต่อโรคเดิมที่น้องเขาเป็นอยู่แต่อย่างใด


(ขวา) น้องไบร์ท  กับ ยาย นางมาลี พรหมา อายุ 54 ปี
(ซ้ายสุด) น.ส.วารี ช่างประเสริฐ ครูประจำชั้นอนุบาล โรงเรียนบ้านบักดอก

น.ส.จิตตวัฒนา คิดกล้า  น้าของน้องไบรท์
กำลังโหลดความคิดเห็น