กาฬสินธุ์ - ยายวัย 67 ปีร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ หลังถูกนายทุนยึดบ้าน ที่ดิน ทรัพย์สินมีค่าจนสิ้นเนื้อประดาตัว หลังลูกสาวนำไปขายฝากกับนายทุนโหด ต้องเร่ร่อนอาศัยเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง ด้านศูนย์ดำรงธรรมฯ ระบุขายฝากอสังหาริมทรัพย์มีผู้เดือดร้อนจำนวนมาก ชี้เป็นช่องที่นายทุนฉวยโอกาสเป็นสัญญาทาส เตรียมสืบหาข้อเท็จจริง
วันนี้ (9 ม.ค. 60) ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ นางสาวอร่าม ดาวเรือง อายุ 67 ปี หอบเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ หลังถูกนายทุนยึดบ้าน ที่ดิน และทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านบาท ทั้งขับไล่ให้ออกจากบ้านอย่างไร้ความเมตตา โดยนายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายสนุน แจะหอม นิติกรปฏิบัติการฯ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนครั้งนี้ พร้อมทั้งพาไปดูสภาพบ้านที่ถูกยึดที่ปล่อยทิ้งร้างมานาน 1 ปี
นางสาวอร่าม ดาวเรือง ผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ได้อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 134 หมู่ที่ 2 บ้านหนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ มีบุตรสาวและบุตรเขยเป็นชาวต่างชาติเป็นผู้ก่อสร้างบ้านและเจ้าของบ้าน โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว เนื้อที่ 3 งาน 73 ตารางวา ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 15 เมตร มีสระน้ำ ข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากต่างประเทศ โดยได้อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มานานกว่า 7 ปี กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 58 เวลาประมาณ 16.30 น. มีกลุ่มชายฉกรรจ์และนายทุน 10 กว่าคนนำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาจอดที่บ้าน
โดยมีนายทุนคนหนึ่งเดินมาหาและบอกให้ออกจากบ้านวันนี้ และสั่งกลุ่มชายฉกรรจ์และกลุ่มผู้หญิงขนสิ่งของมีค่าออกจากบ้านให้หมด จนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. ได้เก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ออกไปไว้หน้าประตูบ้านและจัดการล็อกบ้านไว้ เฉพาะทรัพย์สินมีค่าของตัวเองมีนาฬิกา 2 เรือน สร้อยและพระเลี่ยมทอง 1 องค์ แหวนทองคำขาวฝังเพชร 1 วง ทั้งนี้ เมื่อสอบถามนายทุนทราบแต่เพียงว่าลูกสาวได้เอาบ้านและที่ดินไปขายฝากไว้ เมื่อครบกำหนดจึงเข้ามายึดตามสิทธิ
รู้สึกกลัวมากไม่รู้จะทำอย่างไร คนแก่อยู่บ้านคนเดียว ลูกสาวอยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นลูกเขยซึ่งเป็นคนต่างชาติเพิ่งจะเสียชีวิตไป ติดต่อใครไม่ได้มีแต่เพื่อนบ้านที่มาเก็บเสื้อผ้าข้าวของบางส่วนและให้ไปพักอาศัยอยู่ด้วย ภายหลังจึงทราบมาว่าลูกสาวนำบ้านไปขายฝากไว้กับนายทุนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2557 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ สาขาหนองกุงศรี โดยนางสาวธัญญาพร ดรายเยอร์ ลูกสาวเป็นคนทำสัญญาขายฝากที่ดินด้วยตนเอง จำนวนเงินขายฝากที่ 4,500,000 บาท
เท่าที่ทราบลูกสาวได้พูดคุยกับนายทุนมาตลอด ตกลงเป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่ทราบความเป็นมาว่าเหตุใดจึงมาไล่ตนออกจากบ้าน ทรัพย์สินของมีค่าหลายสิบรายการถูกยึดไปหมด เครื่องใช้บางชิ้นมีราคาแพงหลักแสนยังไม่ได้คืนสักชิ้น มีการติดต่อขอเจรจาแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ หากประเมินทรัพย์สินที่ยึดไปมูลค่าราวๆ 5 ล้านบาท อยากให้ใช้คืน เพราะคิดว่าทรัพย์สินเหล่านั้นนายทุนไม่มีสิทธิยึด ทุกวันนี้ต้องอาศัยเพื่อนบ้าน บางครั้งก็ไปขออาศัยอยู่บ้านลูกหลานแทน เพราะลูกสาวก็กำลังเดือดร้อนเช่นกันหลังสูญเสียลูกเขยชาวต่างชาติทั้งครอบครัวก็ไร้ที่พึ่งพิง
ก่อนหน้านี้ได้ขอความช่วยเหลือด้านกฎหมายกับทนายความคนหนึ่ง แต่เรื่องก็หายเงียบไปเป็นปี จึงไร้ที่พึ่ง สุดท้ายมีคนแนะนำ จึงตัดสินใจเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือ ตนไม่มีบ้านอาศัย อายุมากไม่สามารถทำงานหาเงินได้ต้องมาลำบากตอนแก่เฒ่า มองดูบ้านที่เคยอยู่อาศัยทีไรต้องร้องไห้ทุกที
ด้านนายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องขายฝากที่ดินถือเป็นปัญหาอันดับ 1 ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ที่ผ่านมาประชาชนที่ขายฝากที่ดินไว้กับนายทุนราคาต่ำกว่าต้นทุนประเมินและถูกยึดที่ ด้วยการฉวยโอกาสใช้เทคนิคต่างๆ ยึดเอาทรัพย์สินไปอย่างไม่เป็นธรรม เป็นสัญญาทาสที่ทำให้คนสิ้นเนื้อประดาตัวมามาก
กรณีของนางสาวอร่าม ดาวเรือง อายุ 67 ปี ผู้เดือดร้อน ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ และจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง คาดว่าจะใช้เวลา 15-30 วัน ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย จะมีหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรถึงผู้เดือดร้อนทันทีที่มีความคืบหน้า รวมถึงขั้นตอนการเจรจาไกล่เกลี่ยจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทำงานร่วมกัน