บุรีรัมย์ - กระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ และสภาทนายความ ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อตั้งทีมทนายช่วยเหลือชาวบ้าน 5 อำเภอที่บุรีรัมย์ ถูกหลอกเซ็นรับปุ๋ยฟรีโครงการส่งเสริมอาชีพคนบุรีรัมย์ แต่ถูกบริษัทฟ้องเรียกเก็บค่าปุ๋ยกว่า 40 ล้าน ล่าสุดศาลนัดยื่นคำให้การ 27 ม.ค.นี้
วันนี้ (5 ม.ค.) พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาศ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ และผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ลงพื้นที่มายังศาลากลางหมู่บ้านบ้านซับสมบูรณ์ ม.7 ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์
ทั้งนี้ เพื่อสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากชาวบ้าน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.โนนสุวรรณ ปะคำ นางรอง หนองกี่ และ อ.หนองหงส์ ภายหลังชาวบ้านทั้ง 5 อำเภอได้เดินทางไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยเหลือกรณีที่ชาวบ้าน เกษตรกร และตัวแทนกลุ่มแม่บ้านกว่า 300 คน ถูกบุคคลบางกลุ่มซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนหน่วยงานรัฐ หลอกให้เซ็นในใบสั่งซื้อและรับสินค้า เพื่อรับปุ๋ยอินทรีย์ในโครงการส่งเสริมอาชีพคนบุรีรัมย์ ปี 2558 ฟรี
โดยอ้างว่าโครงการดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติเงินงบประมาณจากทางจังหวัดบุรีรัมย์และองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ทำให้ชาวบ้านและกลุ่มเกษตรกรหลงเชื่อ รวมทั้งเข้าใจว่าเป็นโครงการต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2558 ที่เคยได้รับแจกจ่ายปุ๋ยอินทรีย์ฟรีมาแล้ว 3 ปี แต่ไม่เคยเกิดปัญหา แต่สุดท้ายโครงการถูกสั่งระงับไม่มีการอนุมัติงบอุดหนุนจาก อบจ. ทำให้ชาวบ้าน เกษตรกรที่ถูกหลอกเซ็นสัญญารับปุ๋ยไปใช้แล้ว ต้องตกเป็นแพะถูกบริษัทฟ้องในข้อหา “ผิดสัญญาซื้อขาย” โดยบริษัทฟ้องให้จ่ายชดใช้ค่าปุ๋ยรวมกว่า 40 ล้านบาทสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
นางสวาท ทองสะอาด ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองตาปู่ ต.โกรกแก้ว อ.โนนสุวรรณ กล่าวว่า ที่ตัดสินใจเซ็นรับปุ๋ยในโครงการดังกล่าวเพราะเชื่อใจว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มาบอกให้เซ็นโดยย้ำว่าเป็นปุ๋ยฟรี และเคยดำเนินการมาต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหา โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าโครงการดังกล่าวถูกระงับ สุดท้ายชาวบ้านกลับถูกบริษัทฟ้องเกษตรกรเรียกเก็บค่าปุ๋ยมูลค่ามหาศาล ที่หลอกว่าเป็นโครงการปุ๋ยฟรี สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ไปร้องเรียนหน่วยงานไหนก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องต่อกระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือเพราะตอนนี้ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร โดยอยากให้ทางกระทรวงยุติธรรมสภาทนายความ และอีเอสไอช่วยเหลือเรื่องคดีความเพื่อให้ชาวบ้านได้รับความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าวด้วย
ด้านนายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาศ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ กล่าวว่า ทางสภาทนายความจะตั้งทีมทนายประสานความร่วมมือกับทางกระทรวงยุติธรรม เพื่อหาแนวทางต่อสู้คดีช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจนถึงที่สุด โดยจะสู้ถึงชั้นฎีกาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับชาวบ้าน
จากการสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบเอกสารในเบื้องต้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องคดีความตอนนี้ศาลจังหวัดนางรอง อยู่ระหว่างนัดยื่นคำให้การในวันนี้ 27 ม.ค.ที่จะถึงนี้
ด้าน พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า จากการลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงทราบว่าโครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนปุ๋ยในลักษณะให้เปล่ามาตั้งแต่ปี 2555-2557 แต่พอปี 2558 นำปุ๋ยมาให้ชาวบ้านและให้เซ็นรับ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ แต่เมื่อไม่มีการอนุมัติงบให้กับบริษัทปุ๋ย ทางบริษัทจึงมาฟ้องชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เซ็นรับปุ๋ย
กระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องตั้งแต่เดือน ส.ค. 2559 เนื่องจากชาวบ้านไม่ไว้ใจหน่วยงานในพื้นที่ จึงได้ร่วมกับสภาทนาย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านทั้งเรื่องคดีอาญา คดีแพ่ง และการอำนวยความยุติธรรม ซึ่งขณะนี้ก็กำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้ชาวบ้านได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด