ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สำเร็จ ม.เชียงใหม่จับมือเอกชนพัฒนางานวิจัยสารสกัดนาโนเซรัมจาก “ดอกดาวเรือง” มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอริ้วรอย พร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์ทำผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายแล้ว
วันนี้ (5 ม.ค. 60) ที่โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ อาวุโส ศรีศุกรี อุปนายกสภามหาวิทยาลัย รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) พร้อมด้วย นายปิยะฉัตร ใคร้วานิช เบอร์ทัน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติภาคเหนือ, รองศาสตราจารย์ ดร.วิรัตน์ นิวัฒนนนท์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ (มช.), รองศาสตราจารย์ ดร.จักรพันธ์ ศิริธัญญาลักษณ์ อดีตคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ (มช.), ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (มช.), รองศาสตราจารย์ พิมพร ลีลาพรพิสิฐ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ (มช.), รองศาสตราจารย์ ดร.สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย (มช.) และนายรังสรรค์ ตรงฉาก ประธานกรรมการบริษัท มาย่า แอนด์โค จำกัด
ร่วมกันแถลงข่าวความสำเร็จในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสารสกัดนาโนเซรัมจากดอกดาวเรือง ที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและชะลอริ้วรอย หลังจากได้ดำเนินการศึกษาค้นคว้า และดำเนินการพัฒนางานวิจัยเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2552-2556 รวมทั้งทดสอบทางคลินิกอย่างครบวงจร ทั้งการทดลองใช้จริงจากอาสาสมัครและการควบคุมคุณภาพการผลิตในห้องปฏิบัติการจนมีความพร้อมที่จะต่อยอดถ่ายทอดเทคโนโลยีออกสู่เชิงพาณิชย์
รองศาสตราจารย์ พิมพร ลีลาพรพิสิฐ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ (มช.) ในฐานะหัวหน้าคณะวิจัย เปิดเผยว่า สาเหตุที่เลือกใช้ดอกดาวเรืองมาทำการวิจัยจนกระทั่งประสบผลสำเร็จนั้นก็สืบเนื่องมาจากดอกดาวเรืองนั้นเป็นพืชที่ปลูกง่ายและสามารถต่อยอดไปสู่ระดับอุตสาหกรรมได้ และมีสีสันสวยงาม รวมถึงจากผลการสำรวจพบว่าในต่างประเทศก็ใช้ดอกไม้ชนิดนี้ในการทำวิจัย แต่เป็นดอกดาวเรืองในอีกสายพันธุ์ โดยตัวสารสกัดที่อยู่ในดอกดาวเรืองนั้นจะมีประโยชน์ และเมื่อมีการทำให้เป็นสิทธิบัตร ในการทำให้เป็นระดับนาโนซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม ซึ่งจะช่วยให้เกิดการเห็นผลในผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีออกสู่เชิงพาณิชย์นั้นนับเป็นพันธกิจหนึ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการของ STeP
เพราะการนำผลงานการวิจัยซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่มีอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยออกสู่เชิงพาณิชย์ (ภาคเอกชน/ภาคอุตสาหกรรม) ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยต้องคัดสรรบริษัทที่มีความพร้อม ดำเนินการจัดประชุม การเจรจาหลายครั้งจนได้รับความเห็นชอบจากทุกๆ ฝ่าย ซึ่งสารสกัดนาโนเซรัมดอกดาวเรืองเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่จะช่วยยกระดับผลงานวิจัยสู่การเพิ่มมูลค่าในภาคอุตสาหกรรม และสิ่งสำคัญที่สุดคือผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูปมาจากผลผลิตด้านการเกษตรของประเทศ ซึ่งเมื่อนำไปสู่การผลิตและการจำหน่ายต้นน้ำก็จะได้รับประโยชน์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ผลงานดังกล่าวกำลังเข้าสู่ตลาด เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วจะทำให้ฝั่งต้นน้ำโดยเฉพาะผู้ปลูกดอกดาวเรืองที่ในปัจจุบันอาจจะทำการเพาะปลูกเพื่อตอบสนองเชิงอุตสาหกรรมแค่บางประเภท แต่ในอนาคตเมื่อบริษัทเติบโตก็จะส่งผลทำให้ต้นน้ำนั้นเติบโตตามไปด้วย เช่น การปลูกจากเดิมที่ปลูกตามปกติ ก็อาจจะมีการปลูกโดยใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้น คุณภาพการปลูกรวมไปถึงตัวเกษตรกรก็จะได้รับการส่งเสริมพัฒนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้านนายรังสรรค์ ตรงฉาก ประธานกรรมการบริษัท มาย่า แอนด์โค จำกัด เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทางบริษัทได้เลือกผลงานวิจัยนี้เนื่องจากทางบริษัทได้เล็งเห็นถึงผลงานวิจัยที่สามารถตอบสนนองและสร้างทางเลือกใหม่ในผลิตภัณฑ์เวชสำอางให้แก่ผู้บริโภค จึงเลือกสารสกัดนาโนเซรัมดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีสารการชะลอริ้วรอย อีกทั้งผ่านการวิจัยและมีผลการทดสอบยืนยัน ยิ่งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และบริษัท มาย่า แอนด์โค จำกัด ที่จะนำผลงานวิจัยต่อยอดไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดการนำเอาองค์ความรู้ที่คณะนักวิจัยคิดค้นขึ้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงในวงกว้างต่อไป