หนองคาย - ตำรวจหนองคาย รวบสองผัวเมียสุดแสบ แอบใช้ไม้สอยกระเป๋าใส่ทองคำ และเงินสินสอดมูลค่าเกือบ 2 แสนบาท ที่เจ้าสาวทิ้งไว้ในบ้าน เผยขณะจับกุมเมียเห็นตำรวจตกใจกลัวกระโดดลงบ้านผลซี่โครงหัก 3 ซี่ ส่วนผัวถูกไล่จับได้ รับสารภาพนำทองไปขายซื้อยาบ้าเสพ เหลือทองคืนเจ้าทรัพย์แค่ 4 บาท 2 สลึง และเงินสดอีก 41,300 บาท
วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รรท.ผบก.ภ.จ.หนองคาย พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายณัฐพงศ์ บุญช่วย อายุ 38 ปี และนางปัญญา ชานนท์เดช อายุ 52 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 15 ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำ 2 บาท 1 เส้น สร้อยคอทองคำพร้อมพระเครื่อง 1 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 1 บาท แหวนทองคำหนัก 50 สตางค์ และเงินสด 41,300 บาท
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.59 ได้มี น.ส.รสริน สมศรีกุล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 1 ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย ว่า มีคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สินเป็นทองคำรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 9 บาท เงินสดซึ่งมีทั้งเงินใหม่ และเงินธนบัตรเก่าที่สะสมไว้ประมาณ 7,000 บาทหายไป โดยสงสัยว่าจะเป็นนายณัฐพงศ์ และนางปัญญา ซึ่งอยู่บ้านใกล้เคียงกันเป็นคนขโมยไป
ต่อมา เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (26 ธ.ค.) พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ สว.สส.สภ.เมืองหนองคาย จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านของ นายณัฐพงศ์ ขณะเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น มีเสียงตะโกนของผู้หญิงตะโกนว่าตำรวจมา จากนั้นไม่นานก็พบนางปัญญา กระโดดลงจากชั้น 2 ของบ้านหวังจะหลบหนี แต่กระโดดมากระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บหนีไม่ไหว ส่วนนายณัฐพงศ์ วิ่งหลบหนีไปยังป่าละเมาะใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ตรวจค้นในกระเป๋ากางเกงนายณัฐพงศ์ พบกระเป๋าสีดำขนาดเล็ก ภายในมีสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ และแหวนทองคำของผู้เสียหาย และสารภาพว่า ยังมีกระเป๋าหนังใส่ธนบัตรของผู้เสียหายซ่อนไว้ในครัวที่บ้านของตนเองอีก เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปตรวจยึดไว้ได้ทั้งหมด และส่งตัวนางปัญญา ไปโรงพยาบาลหนองคาย พบว่า กระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่ จากการกระโดดจากบ้านหวังจะหลบหนี
นายณัฐพงศ์ รับสารภาพว่า เป็นคนไปขโมยทรัพย์สิน น.ส.รสรินจริง จากนั้น นางปัญญา ได้นำทองไปขายที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองหนองคาย ซึ่งนางปัญญา ยังได้เปลี่ยนสร้อยคอทองคำเส้นใหม่มาใส่เองด้วย เงินส่วนหนึ่งได้นำไปซื้อยาบ้ามาเสพ คงเหลือเงินอยู่ 41,300 บาท
น.ส.รสริน ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเพิ่งแต่งงานเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทรัพย์สินทั้งหมดเป็นสินสอด ซึ่งหลังแต่งงานแล้วสามีได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ตนจึงให้แม่เก็บสินสอดไว้ให้ก่อน แต่เนื่องจากตนต้องเดินทางไปหาสามีช่วงปีใหม่นี้ แม่จึงนำสินสอดทั้งหมดกลับมาให้ วันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ตนอยู่ที่บ้านตามลำพัง วางกระเป๋าใส่ทรัพย์สินไว้โต๊ะกลางบ้าน ล็อกประตูบ้าน แต่เปิดหน้าต่างที่ติดตั้งเหล็กดัดไว้
จากนั้นได้ยินเสียงผู้ชายไอหลายครั้งตนนึกกลัวจึงรีบวิ่งเข้าห้อง โดยลืมหยิบกระเป๋าไปด้วย พอมาตอนเช้าเห็นกระเป๋าอยู่ผิดจากตำแหน่งที่เคยวางไว้ก็ยังไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งไปเรียนหนังสือที่อุดรธานี จึงรู้ว่าทรัพย์สินหายไป นึกว่าถูกเพื่อนในห้องขโมย เพื่อนในห้องเรียนทุกคนก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนขโมย เมื่อกลับถึงบ้านจึงไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง เพื่อนบ้านบอกว่า มี นายณัฐพงศ์ ซึ่งกำลังป่วยเป็นโรคปอดมักจะไอบ่อยๆ กับนางปัญญา สองสามีภรรยา มีนิสัยลักขโมย เป็นบุคคลน่าสงสัย ตนจึงมาแจ้งความ และดีใจมากที่ตำรวจสามารถจับกุมได้แม้ว่าจะติดตามทรัพย์สินได้ไม่ครบก็ตาม
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย แล้วคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป