มหาสารคาม - ชาวบ้านอำเภอวาปีปทุมกว่า 71 รายร้องไม่ได้รับเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย หลังตรวจสอบกับทางสรรพากรอำเภอพบเป็นผู้มีรายได้ต่อปีถึงหลัก 2 แสนบาททั้งๆ ที่ไม่มีอาชีพมั่นคง พบเคยให้เอกสารคนในหมู่บ้านไปใช้ประกอบเรียนปริญญาโท ตำรวจเตรียมสอบสวน ดำเนินคดี
วันนี้ (14 ธ.ค. 59) ชาวบ้านใน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จำนวน 70 ราย ได้มารวมตัวกันที่บ้านพักของนายสุชาติ ศรีสังข์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีที่ลงทะเบียนขอรับเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจากทางรัฐบาลแต่กลับขาดคุณสมบัติ เนื่องจากได้ตรวจสอบกับทางสรรพากรอำเภอวาปีปทุมแล้วพบว่าเป็นผู้มีรายได้ต่อปีถึงหลักแสนบาททั้งๆ ที่ไม่มีอาชีพ เกรงว่าจะถูกหลอก เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยให้เอกสารเพื่อนบ้านไป
นางอำพร ชาวเกวียน อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 4 ต.หนองทุ่ม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนไม่มีอาชีพอะไร รายรับส่วนใหญ่เป็นเงินที่ลูกหลานส่งมาให้ทุกเดือน จึงไปลงทะเบียนขอรับเงินผู้มีรายได้น้อยจากรัฐบาล แต่เมื่อไปตรวจสอบกับสรรพากรอำเภอวาปีปทุมกลับพบว่าตนมีรายได้ถึงปีละ 200,000-500,000 บาท ทำให้ตนขาดคุณสมบัติรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล รวมถึงเพื่อนบ้านอีกหลายสิบราย
จากการพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ก็พบว่าเมื่อประมาณปี 55 ต่อเนื่องถึงปี 58 ตนและเพื่อนบ้านเคยถูกนายอุทิศ ปะสีระเก และนางสนิท สุธรรม สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านได้ขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไปให้กับนางสาวตุ๊ก ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน โดยอ้างว่าต้องการนำไปใช้ประกอบการเรียนปริญญาโท หากหาได้มากจะทำให้ได้คะแนนมากและเรียนจบเร็ว พวกตนเห็นว่าเป็นคนในหมู่บ้านจึงให้เอกสารไป โดยมีค่าตอบแทนเป็นเงิน 200-500 บาท ซึ่งตอนนี้รู้สึกกังวลมาก เกรงว่าเอกสารต่างๆ ที่เคยให้ไปจะถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี อาจเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว
ด้านนางยุวดี ชาวไพร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 บ้านม่วง ต.หนองทุ่ม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์จึงรู้ว่าขาดสิทธิ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าตนมีเงินได้เท่าไหร่ ซึ่งทางสรรพากรอำเภอวาปีปทุมได้นัดหมายให้เข้าไปพบวันที่ 16 ธันวาคมนี้ จากการพูดคุยกับชาวบ้านที่ถูกหลอกนำเอกสารไป ส่วนใหญ่พบว่าจะมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทั้งที่จริงแล้วก็เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีอาชีพอะไรเลย
ขณะที่นายสันติภาพ จันทรเดช ปลัดอำเภอวาปีปทุม กล่าวว่า เบื้องต้นฝ่ายปกครองได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อสอบถามข้อมูลของสองสามีภรรยาที่ถูกกล่าวอ้าง และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าชาวบ้านที่ถูกหลอกให้นำเอกสารให้กับสองสามีภรรยา ถูกนำไปใช้ที่บริษัทโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่ได้ประสานไปยังนางสาวตุ๊ก ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทโบรกเกอร์ดังกล่าว ซึ่งยังไม่ได้ให้ข้อมูลคงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
ด้าน พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ อุดมชัย รักษาการ ผกก.สภ.วาปีปทุม กล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นคดีฉ้อโกงหรือไม่ ต้องรอให้ผู้เสียหายจำนวน 71 รายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะรวบรวมข้อมูล พร้อมตามตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำว่านำเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านไปทำอะไร หากพบว่าเป็นความผิดทางอาญาจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นชาวบ้านอยากได้สิทธิคืนเพื่อรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ส่วนใหญ่เกรงว่าเอกสารต่างๆ ที่เคยให้ไปจะถูกนำไปใช้ในทางไม่ดี
รายงานข่าวแจ้งว่า มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจำนวน 71 ราย ซึ่งจะได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.วาปีปทุมต่อไป