“จันทบุรี” เตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง

จันทบุรี - “จันทบุรี” เตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง โดยกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่ออุปโภคบริโภค และการเกษตร

นายวิสุทธิ์ ประกอบความดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ในขณะนี้จังหวัดจันทบุรีได้เข้าสู่ฤดูหนาว และฝนเริ่มทิ้งช่วงแล้ว ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักของจังหวัดจันทบุรี ช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา 3 เขื่อนมีเพียงพอ ยกเว้นเขื่อนพลวง ที่ปริมาณน้ำกักเก็บได้ไม่ถึงร้อยละ 50 ของความจุ จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการ และใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่า โดยที่เขื่อนคีรีธาร อำเภอมะขาม มีปริมาณน้ำกักเก็บไว้ 75.536 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 99.39 ของความจุเขื่อน อ่างเก็บน้ำศาลทราย อ.เขาคิชฌกูฏ มีปริมาณน้ำกักเก็บไว้ได้ประมาณ 11.156 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 92.97 ของความจุเขื่อน อ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธ อ.โป่งน้ำร้อน มีปริมาณน้ำกักเก็บไว้ประมาณ 73.809 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 104.68 ของความจุเขื่อน ที่น่าเป็นห่วงคือ เขื่อนพลวง อ.เขาคิชฌกูฏ ที่ปีนี้กักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนได้เพียง 36.334 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 45.42 ของความจุเขื่อน

ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรี เป็นเมืองเกษตรกรรม ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนผลไม้ มีความต้องการใช้น้ำในการบำรุงผลผลิตเป็นปริมาณมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการรับมือต่อปัญหาภัยแล้ง จึงขอให้เกษตรกรในพื้นที่ห่างไกลแหล่งน้ำควรกักเก็บน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค และการเกษตร สร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดิน และมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบในการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างประหยัด และคุ้มค่า

โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้มีการสร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ต้นน้ำหลายแห่ง ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมป้องกัน และลดผลกระทบจากสภาวะภัยแล้งได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จังหวัดได้เตรียมความพร้อมประสานหน่วยข้างเคียง เช่น กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 การประปาส่วนภูมิภาค เขต 17 และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เตรียมพร้อมแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคแก่ราษฎรที่ประสบภัย ซึ่งขณะนี้มีชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมรถน้ำประมาณ 30 คัน รวมทั้งได้แจกถังเก็บน้ำ กระจายไปตามจุดต่างๆ ครอบคลุมทั้งจังหวัดแล้ว พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่า และช่วยกันรักษาแหล่งน้ำ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้น