เชียงราย - เจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวเชียงรายพร้อมภาคเอกชนเดินทางพบปะเจ้าแขวงหลวงน้ำทาฝั่ง สปป.ลาว หวังจับมือประสานข้อมูลเพื่อเปิดตลาดการท่องเที่ยวเป็นแพกขายไปด้วยกัน
นายบุญเวทย์ ศรีพวงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสาวปราณปริยา พลเยี่ยม ท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย นายกิตติ ทิศสกุล นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ นำคณะเดินทางไปตามถนนอาร์สามเอ ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ จาก อ.เชียงของ ข้ามแม่น้ำโขงตรงสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 ผ่านแขวงบ่อแก้วไปยังเมืองหลวงน้ำทา แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และแสวงหาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน
โดยคณะได้เข้าพบท่านบุนยี แก้วบุนเมือง รองเจ้าแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งทางแขวงหลวงน้ำทาแจ้งว่ามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ทาง จ.เชียงรายสนใจด้านการท่องเที่ยวระหว่างเชียงราย-หลวงน้ำทา โดยมีการให้ข้อมูลว่าปัจจุบันแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว มีพื้นที่ 9,391 กิโลเมตร พื้นที่เป็นป่าเขาประมาณ 85% ของพื้นที่ทั้งหมด ทั้งแขวงมี 5 เมือง จำนวน 365 หมู่บ้าน และมีประชากรประมาณ 175,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์จำนวน 17 กลุ่ม เช่น ม้ง ขมุ ไทเหนือ ไทดำ ไทแดง ไทขาว ไทวน ไทลื้อ ละวิด ละเมด สีดา อีก้อ มูเซอ กะลอม ไทใหญ่ ฯลฯ
ท่านบุนยีเปิดเผยว่า ปัจจุบันแขวงหลวงน้ำทามีนโยบายในการเปิดรับการท่องเที่ยวหลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มที่ โดยพื้นที่มีความโดดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนาธรรม ฯลฯ และทางแขวงก็มุ่งหวังที่จะให้ ภาคการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เช่น ที่พัก โรงแรม รีสอร์ต ฯลฯ ทำให้ปัจจุบันสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้วันละประมาณ 1,800 คน มีร้านค้าอาหารต่างๆ สามารถรองรับผู้คนได้ราว 6,000 คน
ท่านคำไท สีปะเสิด หัวหน้าห้องว่าการแขวงหลวงน้ำทา กล่าวว่า ความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงท่องเที่ยวระหว่าง 2 เมืองดังกล่าวจะทำให้การท่องเที่ยวทั้งคู่ดีขึ้น โดยเฉพาะทางด้านเครื่องบินซึ่งทั้ง 2 เมืองต่างมีสนามบิน ดังนั้นทางแขวงหลวงน้ำทาจะได้นำข้อมูลนี้เสนอต่อรัฐบาลกลางเพื่อพิจารณาต่อไป กระนั้น ปัจจุบันการเชื่อมโยงท่องเที่ยวที่สามารถทำได้ทันที คือ ทางถนนอาร์สามเอ
ด้านนายพรสวัสดิ์ กมลทอง รองหัวหน้าแผนกผู้การท่องเที่ยว แขวงหลวงน้ำทา กล่าวว่า แขวงหลวงน้ำทามีเป้าหมายเป็นเมืองท่องเที่ยวมากกว่าการเป็นเมืองทางผ่านจากไทยไปจีนตอนใต้หรือไปยังแขวงหลวงน้ำทาเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันเรามีจุดขายคือการเป็นป่าเพื่อการศึกษาธรรมชาติ การล่องเรือ วัฒนธรรมชาติพันธุ์ วัดบ้านเชียงใจซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไทลื้อสร้างในปี 2430 วัดพระธาตุเชียงตึง ฯลฯ เราจึงเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นหลัก
นอกจากนี้ ทางด้านนายบุญเวทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวเสริมว่า เนื่องจากเชียงของตั้งอยู่ติด สปป.ลาว ทั้ง 2 แขวง คือ หลวงบ่อแก้ว และถัดจากนั้นก็เป็นแขวงหลวงน้ำทา ซึ่งโดยบริบทการพัฒนายุคนี้แล้วเราไม่สามารถจะอยู่ได้ตามลำพังแต่ควรแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันโดยเฉพาะทั้ง 2 ประเทศที่แนบแน่น หากทำได้ก็จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ ของโลก เช่น ยุโรป เอเชีย ฯลฯ ให้ไปเยือนได้ทั้ง 2 ประเทศต่อไป ดังนั้นครั้งนี้จึงได้ไปศึกษาดูงานว่าสภาพปัจจุบันของแขวงหลวงน้ำทาเป็นอย่างไร และจะนำไปประชาสัมพันธ์ได้อย่างไรต่อไป
ด้านนายกิตติ ทิศสกุล นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ กล่าวว่า ปัจจุบันการเดินทางไปเยือนหลวงน้ำทาของนักท่องเที่ยวมีอยู่เนืองๆ แต่ในอนาคตที่จะต้องพูดกันให้มากคือเส้นทางเครื่องบินจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ไปยังท่าอากาศยานหลวงน้ำทา รวมไปถึงเชื่อมไปยังท่าอากาศยานท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สาย ด้วย ซึ่งหากเส้นทางบินนี้เป็นจริงก็จะทำให้การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับการเดินทางไปครั้งนี้ ทางภาคเอกชนเชียงรายจะนำข้อมูลแขวงหลวงน้ำทาไปประชุมผู้ประกอบการท่องเที่ยวในภาคเหนือ เพื่อจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงกันต่อไป