ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เสี่ยตัน” เชิญนักข่าวเกือบทั่วเชียงใหม่เลี้ยงข้าวกลางวันที่โรงแรม “อีสติน ตัน โฮเทล” อ้างว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ นอกจากทำความรู้จักคุ้นเคย พร้อมปฏิเสธพูดคุยกรณีโรงแรมทำผิดกฎหมายเปิดบริการโดยไม่มีใบอนุญาตจนถูกสั่งปิด และดำเนินคดี ยืนยันไม่รู้ และไม่ได้ตั้งใจทำผิดกฎหมาย คร่ำครวญมีแนวคิดดีๆ พร้อมนำเงินลงทุนอีก 4 โครงการในเชียงใหม่ แต่ตัดสินใจยกเลิกไปหมด เพราะหวั่นโดนโจมตีซ้ำ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (4 ธ.ค.) นายตัน ภาสกรนที นักธุรกิจชาเขียวชื่อดัง และเจ้าของโรงแรมอีสติน ตัน โฮเทล ที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกรินคำ กลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งถูกสั่งปิดบริการ และดำเนินคดีตามกฎหมายฐานความผิดเปิดบริการโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตาม พ.ร.บ.โรงแรม อย่างน้อย 3 ครั้ง ในช่วงเดือนตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ได้เชิญผู้สื่อข่าวในจังหวัดเชียงใหม่ รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่โรงแรมอีสติน ตัน โฮเทล
โดยอ้างว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ นอกจากทำความรู้จักคุ้นเคยกับผู้สื่อข่าวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น ซึ่งก็มีผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งเข้าร่วมรับประทานอาหาร และพูดคุยในครั้งนี้
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามเกี่ยวกับกรณีโรงแรมอีสติน ตัน โฮเทล ที่เปิดบริการโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม จนกระทั่งถูกสั่งปิด และดำเนินคดีนั้น นายตัน อ้างว่า ไม่ทราบ และไม่มีเจตนาที่จะทำผิดในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งพยายามที่จะดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยปิดให้บริการห้องพักโรงแรมแล้ว และตอนนี้มีเปิดให้บริการอยู่เฉพาะในส่วนที่เป็นห้องเช่ารายเดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธที่จะพูดคุยในรายละเอียด ขณะที่ในส่วนของโรงแรมอมารี รินคำ (เดิม) ที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง และโครงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น ยืนยันว่าเมื่อเปิดให้บริการมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว เพราะเป็นของโรงแรมเดิม แต่ทั้งนี้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีที่สถาปนิกของโครงการลาออกไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในการพูดคุยระหว่างการเชิญผู้สื่อข่าวในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันในครั้งนี้ นายตัน ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอย่างหนักเกี่ยวกับการจำลองบรรยากาศหิมะเทียม ที่บริเวณโครงการ Think Park
รวมทั้งอ้างด้วยว่า ยังมีอีก 4 โครงการที่มีแนวความคิดจะนำเงินมาลงทุนพัฒนา และทำเพื่อประโยชน์ของเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากไปเห็นในต่างประเทศ และอยากนำแนวคิดกลับพัฒนาหรือสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่เมืองเชียงใหม่ แต่ตัดสินใจยกเลิกไป เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาอีก