บุรีรัมย์ - เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ระดมเจ้าหน้าที่ อสม. และกรรมการชุมชนทั้ง 18 ชุมชนกว่า 200 คน เร่งเก็บเศษซากกระทงและขยะมูลฝอยที่ลอยเกลื่อนคลองละลมโบราณทั้ง 6 ลูก สถานที่จัดงานรวมหลายหมื่นใบ เพื่อนำไปทำลายฝังกลบ เผยยังวัสดุย่อยสลายยากถึง 30% ปีหน้าตรวจเข้มห้ามนำกระทงที่ทำจากโฟม พลาสติกจำหน่าย
วันนี้ (15 พ.ย.) นายกมล เรืองสุขศรีวงษ์ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนางสิรินันท์ มณีราชกิจ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลเมือง ได้ระดมเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อสม.และกรรมการชุมชนทั้ง 18 ชุมชนกว่า 200 คน เร่งช่วยกันเก็บเศษซากวัสดุกระทง และขยะมูลฝอยที่ลอยเกลื่อนในคลองละลมโบราณทั้ง 6 ลูก สถานที่จัดงานลอยกระทง และเปิดให้ประชาชนนักท่องเที่ยวนำกระทงมาลอยเพื่ออนุรักษ์สืบสานประเพณี และเป็นการขอขมาแม่พระคงคาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เพื่อนำไปคัดแยกและทำลายฝังกลบที่บ่อกำจัดขยะของเทศบาล ป้องกันการเน่าเสีย และก่อให้เกิดมลภาวะในคลองละลมโบราณทั้งเป็นการปรับภูมิทัศน์บริเวณคลองละลมโบราณให้สะอาด สวยงาม คาดว่าภายในคลองละลมโบราณทั้ง 6 ลูกจะมีเศษซากวัสดุกระทงไม่น้อยกว่า 20,000 ใบ
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยังพบมีประชาชน นักท่องเที่ยวใช้โฟมและวัสดุย่อยสลายยากประดิษฐ์กระทงอยู่กว่าร้อยละ 30 ดังนั้นในปีหน้าทางเทศบาลฯ จะออกมาตรการห้ามพ่อค้าแม่ค้านำกระทงที่ประดิษฐ์จากโฟม หรือวัสดุย่อยสลากยากทุกชนิด มาวางจำหน่ายภายในงานเด็ดขาด เพื่อร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สำหรับคลองละลมโบราณดังกล่าว ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมที่มีประวัติการก่อสร้างมายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ ทั้งยังเป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์อีกด้วย โดยเฉพาะคลองละลมโบราณลูกที่ 1 ในช่วงเย็นของวันเสาร์ และวันอาทิตย์ จะใช้เป็นสถานที่จัดตลาดถนนคนเดินจึงต้องเร่งเก็บซากกระทงและเศษขยะให้แล้วเสร็จก่อนถึงวันเปิดถนนคนเดินด้วย
นายกมล เรืองสุขศรีวงษ์ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ปีนี้ได้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวสนใจร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงเป็นจำนวนมาก แม้จะจัดแบบเรียบง่ายไม่มีการแสดงหรือมหรสพใดๆ ก็ตาม อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่ากระทงส่วนใหญ่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ต้นกล้วย และดอกไม้ชนิดต่างๆ รวมทั้งขนมปังที่ย่อยสลายง่าย ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในแม่น้ำลำคลอง แต่ยังมีวัสดุที่ย่อยสลายยาก เช่น โฟม พลาสติก อยู่ถึงร้อยละ 30
ดังนั้น ในปีต่อไปจะได้รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนนักท่องเที่ยวหันมาใช้วัสดุธรรมชาติให้ครบ 100% เพื่อไม่ให้กระทบแม่น้ำลำคลอง