เชียงใหม่/นครสวรรค์ - เทศกาลลอยกระทงปี 59 น้อมอาลัย “พระภูมิพล” หลายจังหวัดภาคเหนือจัดขึ้นแบบเรียบง่ายแต่งดงาม พบ “ผางประทีปเลข ๙” ฮิตคนสั่งเพิ่ม ขณะที่กระทงเทียนหอมปากน้ำโพขายดิบขายดี สองพี่น้องชาวนครสวรรค์ตกเร่งทำมือเป็นระวิงมาตั้งแต่ต้นตุลาฯ
วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเทศกาลลอยกระทงหลายพื้นที่ในภาคเหนือที่จัดขึ้นแบบเรียบง่าย รักษาประเพณีดั้งเดิม เพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
โดยที่เชียงใหม่ได้จัดกิจกรรม “ต๋ามผางปะตี๊ด ต๋ามโกม บูชาพระเจ้า น้อมถวายพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ” ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ คืนที่ผ่านมา (12 พ.ย.) ซึ่งมีการประดับตกแต่งโคมไฟล้านนามากถึง 9,999 ดวง ส่วนตามรอบคูเมืองเชียงใหม่ ทั้ง 4 แจ่ง และ 5 ประตูเมือง ก็มีการจุดผางประทีปจำนวน 49,999 ดวง
อย่างไรก็ตาม ช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้มียอดสั่งทำผางประทีปน้อยกว่าปีที่ผ่านมามาก แต่ก็มีการทำผางประทีปตามออเดอร์แบบพิเศษขึ้นมาทดแทน เช่น นางอำนวย คำปัญญา อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/1 หมู่ 9 บ้านบวกครกใต้ ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ที่รับทำผางประทีปตามยอดสั่งให้ลูกค้าเป็นประจำทุกปี ก็ยังต้องเร่งทำผางประทีปจำนวนมาก
โดยผางประทีปที่มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นปีนี้จะเป็นผางประทีปที่ไส้เทียนเป็นเลข ๙ และแบบม้วนเป็นเหมือนมงกุฎ ซึ่งจำหน่ายกันในราคา 7 บาท แบบธรรมดา 5 บาท ขนาดเล็ก 100 อัน 80 บาท
ขณะที่ประชาชนก็ยังคงพากันไปเลือกซื้อหยวกกล้วย และใบตอง ตามร้านจำหน่ายใบตองหยวกกล้วยตลาดค้าส่งเมืองใหม่ ในตัวเมืองเชียงใหม่ กันอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปประดิษฐ์กระทงขาย และนำไปลอยเองในคืนวันลอยกระทง โดยราคาปีนี้ยังขายปกติเหมือนทุกปีที่ผ่านมา หยวกกล้วยชิ้นละ 1-5 บาท ใบตองพับละ 10 บาท ดอกบานไม่รู้โรย และดอกดาวเรืองที่นำไปตกแต่งกระทงมัดละ 10 บาท
พ่อค้าแม่ค้ายังเชื่อว่าจะขายดี แม้ว่าจะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากกิจกรรมลอยกระทงถือเป็นประเพณีของชาวล้านนาเป็นหลัก
ส่วนที่นครสวรรค์ นางสุพรรณี พันธุรัตน์ อายุ 60 ปี และนางอธิฏิ แจ้งใบ อายุ 56 ปี สองพี่น้องชาวหมู่ 2 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ ยังคงต้องช่วยกันเร่งประดิษฐ์กระทงเทียนหอมส่งขายให้ผู้ค้าปลีกที่มียอดสั่งจองเข้ามามากกว่า 400 ใบ เพื่อนำไปขายต่ออีกทอดในวันลอยกระทง วันที่ 14 พ.ย.ที่จะถึงนี้
นางสุพรรณี และนายอธิฏิ บอกว่า จะสั่งซื้อเทียนแผ่นวงกลมสีขาวจากโรงงานในกรุงเทพฯ นำส่วนหนึ่งมาหลอมละลายในหม้อต้ม และอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้ทำฐานกระทง เทียนที่นำไปหลอมละลายนั้นจะนำมาเทใส่ไว้ในถาดทิ้งไว้ให้เย็นจนจับตัวกันก่อนที่จะนำแป้นพิมพ์รูปกลีบดอกไม้หลายขนาดมาปั๊มลงบนเทียนเพื่อใช้ทำเป็นกลีบบัว
จากนั้นจึงนำกลีบมาแปะใส่ฐานกระทงให้ได้ 2 ชั้น เทเคลือบด้วยน้ำตาเทียน แล้วนำไปแช่น้ำเพื่อให้ทุกส่วนแข็งตัวกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนเทียนที่นำมาปักใส่กระทงก็มีการปั้นเทียนเป็นรูปดอกไม้มาประดับใส่เพื่อตกแต่งให้กระทงดูสวยงาม และดูมีมูลค่าเพิ่มยิ่งขึ้น
ซึ่งกระทงแบบดังกล่าวที่ทำนี้มีทั้งขนาดจิ๋ว เล็ก กลาง ใหญ่ ราคาตั้งแต่ 80-280 บาท แต่กลุ่มผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จะเลือกสั่งซื้อขนาดเล็ก และขนาดกลางเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเลือกสั่งแต่สีขาวดำเพียงเท่านั้น เพราะเป็นช่วงที่อยู่ในการไว้อาลัยถวายแด่ในหลวง รัชกาลที่ ๙
นางอธิฏิเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ประดิษฐ์เทียนหอมทำเป็นสินค้าโอทอปส่งขายทั่วไป แต่ยอดขายกลับไม่ค่อยดีนัก จนกระทั่งมาถึงวันลอยกระทงเมื่อหลายปีก่อน ตนและพี่สาวจึงมีการปรึกษากันที่จะนำเทียนหอมมาประดิษฐ์กระทงขาย ปรากฏว่ามีผู้ให้ความสนใจเข้ามาเลือกซื้อกันอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นธุรกิจค้ากระทงเทียนหอมในราคาส่งขายให้แก่กลุ่มผู้ค้าปลีกทั้งใน-ต่างจังหวัดมาจนถึงปัจจุบันนี้
“ทุกๆ ปีจะเริ่มประดิษฐ์กระทงเก็บไว้เป็นสต๊อกตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เนื่องจากกระทงแต่ละใบต้องใช้เวลาในการทำ และสามารถทำได้ 25 ใบต่อวันเท่านั้น”
นางอธิฏิยังกล่าวด้วยว่า ปีนี้ตนและพี่สาวเริ่มทำกระทงเทียนหอมหลากหลายสีสันไว้ให้ลูกค้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม แต่พอมาถึงวันที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต จึงทำกระทงเฉพาะสีขาว-ดำ นำมาเสนอต่อลูกค้า ปรากฏว่าลูกค้าส่วนใหญ่เลือกสั่งซื้อกระทงสีขาว-ดำมากกว่ากระทงหลากสีสัน ซึ่งมียอดสั่งซื้อเข้ามามากกว่า 400 ใบเลยทีเดียว และก็มีการทยอยส่งของให้ลูกค้านำไปขายบ้างแล้ว