นครพนม - ตำรวจธาตุพนม สกัดจับแก๊งลักลอบขนกัญชาแท่ง ยึดกัญชาแท่งหนักกว่า 200 กิโลกรัม ขณะที่คนร้ายอาศัยความเชี่ยวชาญหลบหนีไปได้ คาดถูกลำเลียงทางเรือข้ามแม่น้ำโขงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนนำมาพักไว้รอจังหวะลำเลียงเข้าไปยังพื้นที่ตอนใน
วันนี้ (3พ.ย.59) ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รักษาการ ผบก.ภ.จว.นพ. , พ.ต.อ.วัชรพงษ์ ฉายวัฒนะ ผกก.สภ.ธาตุพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวตรวจยึดกัญชาอัดแท่ง 200 กิโลกรัม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสาบสืบว่า มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้ลำเลียงกัญชามาไว้บริเวณท่าน้ำริมฝั่งแม่น้ำโขง อยู่ท้ายหมู่บ้านทรายมูล หมู่ที่ 10 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงวางแผนเข้าดักซุ่มโป่ง
กระทั่งมีรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่ร L 200 ไซโคลน ทะเบียน ผก 7820 อุบลราชธานี แล่นมาจอดที่บริเวณดังกล่าว มีชายฉกรรจ์ 3 คน ลงไปแบกกระสอบโยนขึ้นท้ายรถ ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ก็ขนขึ้นจนหมด จากนั้นกลุ่มชายทั้งสามวิ่งหลบหนีไปกับความมืด ส่วนโชเฟอร์รถได้เหยียบคันเร่งออกไป ตำรวจจึงขับรถไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด โดยรถคนร้ายขับหนีหน้าไปทาง จ.มุกดาหาร ตำรวจจึงประสานไปยัง สภ.คำป่าหลาย อ.หว้านใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อให้ช่วยตั้งจุดสกัด
รถคันดังกล่าววิ่งมาถึงด่านตรวจ แล้วขับฝ่าด่านหนีไปถึงหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านคำป่าหลาย ถนน ชยางกูร ผู้ขับขี่เป็นชายสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงสีกรมท่า เห็นจวนตัวจึงจอดรถทิ้งเปิดประตูรถวิ่งข้ามถนนเข้าป่าข้างทางหลบหนี เจ้าหน้าที่วางกำลังปิดล้อมเพื่อค้นหานานประมาณ 3 ชั่วโมงแต่ไม่พบตัวจึงหยุดการค้นหา ได้ตรวจยึดรถยนต์คันดังกล่าว
พบที่บริเวณท้ายกระบะมีกระสอบสีดำ 5 ถุง ถุงละ 40 กิโลกรัม รวม 200 แท่ง น้ำหนักรวม 200 กก. จึงยึดรถและกัญชาเป็นของกลาง ภายในรถพบใบอนุญาตขับรถยนต์ และบัตรประชาชน ระบุชื่อนายสาคร ตรีพงษ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ที่ 10 ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ของกลาง สมุดฝากเงิน ธนาคารกรุงไทย สาขาโขงเจียม ระบุชื่อนายสาครเช่นเดียวกัน จึงเตรียมตรวจสอบไว้เพื่อขยายผล จากนั้นนำของกลางทั้งหมดส่ง สภ.ธาตุพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กัญชาล๊อตนี้ คาดว่าน่าจะถูกลำเลียงทางเรือข้ามแม่น้ำโขงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนนำมาพักไว้เพื่อรอจังหวะลำเลียง แต่เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังกำหน่วยต่างๆ เฝ้าระวังตามแนวชายแดน สกัดได้ก่อนจะถูกส่งต่อเข้าสู่จังหวัดชั้นใน มีราคาในฝั่งไทยกิโลกรัมละ 5,000 บาท หากเล็ดลอดไปสู่จังหวัดท่องเที่ยวช่วงไฮน์ซีชั่นในภาคตะวันออกและภาคใต้มีมูลค่าสูงถึง ก.ก.ละ 20,000-30,000 บาท เลยทีเดียว