xs
xsm
sm
md
lg

ทึ่งพึ่งตนเอง! “ชาวนาตาอ็อง” สุรินทร์ยึด ศก.พอเพียง รวมกลุ่มปลูกข้าวหอมฯ ขายเมล็ดพันธุ์ราคาสูงตันละ 2.5 หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สุรินทร์ - ทึ่ง! ชาวนาตาอ็องเมืองช้าง ยึดแนวปรัชญาทางเศรษฐกิจพอเพียงพึ่งพาตนเอง รวมกลุ่มปลูกข้าวหอมมะลิขายเป็นเมล็ดพันธุ์ โดยตั้งเป็นศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ขายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิให้ห้างร้าน สหกรณ์ หน่วยงานรัฐ ได้ราคาสูง กก.ละ 25 บาท หรือตันละ 25,000 บาท สามารถพึ่งพาตนเองได้และอยู่ได้อย่างพอเพียง ขณะที่ราคาข้าวเปลือกขณะนี้ต่ำแค่ กก.ละ 5 บาท

วันนี้ (2 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประจำตำบลตาอ็อง และเป็นศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลตาอ็อง พร้อมทั้งมีลานตากข้าวเปลือกให้บริการแก่สมาชิก ชาวนาในตำบลตาอ็องที่ขาดแคลนสถานที่ตากข้าวเปลือกได้สลับสับเปลี่ยนกันนำข้าวเปลือกหอมมะลิ พันธุ์ กข.15 ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวขึ้นจากแปลงนานำมาตากแดดให้แห้งก่อนนำไปคัดแยก ตรวจสอบความชื้นและสิ่งเจือปนของเมล็ดข้าว เพื่อขายเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลตาอ็อง

สำหรับข้าวหอมมะลิที่ปลูกในพื้นที่ตำบลตาอ็อง ส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิพันธุ์ กข.15 และเน้นการปลูกเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวของชุมชนและนำออกจำหน่ายให้แก่หน่วยงานราชการ ห้างร้านที่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ โดยมีหน่วยงานราชการที่กำกับดูแลควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์เป็นผู้เข้ามากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

ส่วนสมาชิกเกษตรกร หากผ่านการคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดแล้วจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลตาอ็อง สามารถขายเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ราคาอย่างต่ำกิโลกรัมละ 20-25 บาท หรือตันละ 20,000-30,000 บาท

นายสมโภชน์ สมมี ชาวบ้านตาอ็อง ทำนาเพื่อจำหน่ายเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกหอมมะลิ กข.15 บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลตาอ็อง ปัจจุบันมีสมาชิกผลิตข้าวพันธุ์อยู่จำนวน 42 ราย มีพื้นที่ปลูกกว่า 450 ไร่ หากข้าวเปลือก 55 กรัม คัดคุณภาพตรวจสอบเมล็ดข้าวอื่นเจือปนไม่เกิน 5 เมล็ด จะได้รับการคัดเลือกเป็นข้าวพันธุ์ แต่หากเกิน 5 เมล็ด จะได้เป็นข้าวเปลือกคุณภาพ

ส่วนราคานั้น หากผ่านการคัดเลือกเป็นข้าวพันธุ์ หรือพันธุ์ข้าวหอมมะลิ จะสามารถต่อรองราคาขายได้สูง โดยปีที่แล้วขายได้ในราคากิโลกรัมละ 25 บาท โดยบรรจุกระสอบๆ ละ 25 กิโลกรัม ถือว่าเป็นราคาที่สูงและเมื่อหักส่วนแบ่งเข้าศูนย์ส่งเสริมฯ 2 บาทแล้ว เท่ากับเกษตรกรเราได้ 23 บาท ถือว่าได้ราคาดี แต่หากข้าวไม่ผ่านการคัดเลือกได้เป็นเมล็ดพันธุ์ ถือเป็นข้าวเปลือกคุณภาพนั้น ในปีที่แล้วขายได้ราคา 10-12 บาท แต่ปีนี้ขายได้กิโลกรัมละ 8 บาท ขณะที่ราคาข้าวเปลือกในตลาดขณะนี้ตกต่ำสุดขีดถึงกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มเราทำนาเพื่อจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว มีการคัดเลือกสมาชิก และใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งใช้เครื่องหยอดปลูกข้าว ทำให้สามารถประหยัดเมล็ดพันธุ์ข้าวในการปลูกได้สูง โดยปลูกข้าว 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวแค่ 8 กิโลกรัม แต่หากหว่านด้วยมือแบบที่ชาวนานิยมปลูกทั่วไปจะใช้เมล็ดพันธุ์ มากถึง 15-20 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้เราลดต้นทุนด้านเมล็ดพันธุ์ 1 เท่าตัว

ที่สำคัญกลุ่มเราปลูกข้าวหอมมะลิ กข.15 เพื่อขายเป็นเมล็ดพันธุ์ ทำให้สามารถต่อรองราคากับผู้ซื้อเมล็ดพันธุ์ ทั้ง สหกรณ์, ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวต่างๆ และร้านค้าที่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งจะมาซื้อที่ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลตาอ็องโดยตรง เพื่อนำไปขายให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ชาวนา ต. ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ยึดแนวปรัชญาทางเศรษฐกิจพอเพียง รวมกลุ่มปลูกข้าวหอมมะลิขายเมล็ดพันธุ์ ได้ราคาสูงถึง กก.ละ 25 บาท หรือ ตันละ 25,000 บาท สามารถพึ่งพาตนเองได้และอยู่ได้อย่างพอเพียง วันนี้ ( 2 พ.ย.)







กำลังโหลดความคิดเห็น