นครพนม - ช่างทำเรือไฟผวา! ลมหนาวมาเยือนแล้ว ซัดเรือไฟสูงเท่าตึก 10 ชั้น พังครืนถล่ม เหลือแต่ซาก-สูญงบ 5 แสน
วันนี้ (2 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม ว่าได้เกิดเหตุแรงลมหนาวที่ซัดผ่านทิวเทือกเขามาจากฝั่งลาว โดยแรงลมที่กระโชกแรงได้พัดกระหน่ำใส่โครงเรือไฟไม้ไผ่และโครงเหล็ก พร้อมติดตั้งตะเกียง สูง 25 เมตร สูงเท่าตึก 10 ชั้น ความยาว 70 เมตร ที่จอดริมตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าจวนผู้ว่าฯ ถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เตรียมจุดลอยไหลเรือไฟในคืนลอยกระทงวันที่ 14 ต.ค. พังครืนลงเหลือแต่ซาก หลังเลื่อนมาจัดในเทศกาลประเพณีไหลในวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ว่าที่ ร.ต.อุทัย ทาบทอง นายอำเภอท่าอุเทน กล่าวว่า เรือไฟลำนี้ชาวบ้านและ อส. พร้อมกำนันและผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายปกครองร่วมแรงสร้างกันมานานร่วม 1 เดือน โดยใช้แรงงานมากกว่า 70 คนต่อวัน ใช้ไม้ไผ่กว่า 2,000 ลำ ความสูง 70 เมตร ยาว 25 เมตร ขึ้นโครงเหล็กเป็นรูปทรง 3 ที่สุด คือ พระธาตุพนม สะพานข้ามแม่น้ำโขง และริมฝั่งแม่น้ำโขง พร้อมตราสัญลักษณ์สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครองราชย์ครบ ๗๐ ปี และตราสัญลักษณ์สมเด็จพระราชินี
ขณะเกิดเหตุช่วง 09.00 น.ของวันนี้ หลังลมหนาวที่กระโชกรุนแรง พังถล่มล้มลงอย่างน่าเสียดาย โดยนายอำเภอท่าอุเทนกล่าวว่า เรือไฟที่ถล่มลงครั้งนี้คาดว่าสาเหตุเกิดจากแรงลมที่กระโชกรุนแรง ไม้ไผ่ที่ถูกแดดจัดทำให้เริ่มแห้งกรอบ โครงไม้ไผ่ โครงเหล็กและดวงตะเตียงน้ำมันที่ติดตั้งได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่มีน้ำหนักมากกว่า 2 ตันอาจแบกรับน้ำหนักไม่ไหวและพังล้มลงดังกล่าว ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 08.00 น.วันเดียวกัน ประธานสภาวัฒนธรรม อ.ท่าอุเทน ได้ไปถ่ายรูปไว้เพื่อเตรียมนำช่างจำนวนมากมาเริ่มติดตั้งดวงตะเกียง เพื่อเตรียมจุดไหลในคืนวันลอยกระทงในวันที่ 14 พ.ย.ที่จะถึงนี้
หลังเกิดเหตุตนได้เดินทางไปดูพบว่าเรือไฟลำนี้เสียหายอย่างหนัก หลังใช้งบสร้างหมดไปกว่า 500,000 บาท คงจะกู้ประกอบและไม่ทันไหลประกวดในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำแล้ว จึงได้สละสิทธิ์และจะเก็บกู้ซากในโอกาสต่อไป