เชียงราย - เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงของ เมืองพ่อขุนฯ ส่อสะดุดอีก ประชามติใช้ป่าชุมชนไม่ผ่าน แถมบางหมู่บ้านค้านเต็มตัวไม่ยอมลงคะแนนจนต้องยุติเวที ส่วนอีก 2 อำเภอทั้งแม่สาย-เชียงแสน ยังไร้ข้อสรุปเรื่องที่ดิน
วันนี้ (1 พ.ย.) นายคำรณ ศรีโพธิ์ ปลัดอาวุโส อ.เชียงของ รักษาการในตำแหน่งนายอำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ได้จัดเวทีลงประชามติเรื่องขอใช้ป่าชุมชนบุญเรือง ต.บุญเรือง อ.เชียงของ เนื้อที่ 2,322 ไร่ พัฒนาเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จ.เชียงราย ร่วมกับ อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน
โดยเปิดให้ประชาชนจาก 4 หมู่บ้าน คือ ม.1 ม.5 ม.8 และ ม.10 ต.บุญเรือง ลงประชามติภายในหมู่บ้านของตนแล้วนำผลคะแนนมารวมกัน ขณะที่นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร, ดร.สมนึก จงมีวศิน อนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร และคณะได้เดินทางไปร่วมสังเกตการณ์การลงคะแนนด้วย
ผลการลงประชามติพบว่า ทั้ง 4 หมู่บ้านมีคนลงประชามติรวมกันจำนวน 751 คน และผู้ที่ไม่เห็นชอบให้ใช้พื้นที่ 390 คน และมีผู้เห็นชอบด้วยจำนวน 317 คน มีบัตรเสีย 44 ใบ แยกเป็นพื้นที่ ม.5 เห็นชอบ 131 คน ไม่เห็นชอบ 172 คน บัตรเสีย 13 ใบ, พื้นที่ ม.8 เห็นชอบ 114 คน ไม่เห็นชอบ 135 คน บัตรเสีย 18 ใบ และ ม.10 เห็นชอบจำนน 71 คน ไม่เห็นชอบ 83 คน
กรณีของ ม.1 ไม่มีการลงประชามติ โดยชาวบ้านประมาณ 100 คนได้พากันยืนชุมนุมหน้าศาลาประชาคมประจำหมู่บ้านเพื่อคัดค้านการลงประชามติ ทำให้ทางอำเภอต้องยุติการให้ลงคะแนน
นายพล สุทธป๊อก อายุ 60 ปี ชาวบ้าน ม.1 กล่าวว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการลงประชามติวันนี้ เพราะเดิมแจ้งชาวบ้านแต่ให้ไปประชุมแล้วไม่แจ้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน จากนั้นยัดเยียดให้ชาวบ้านลงคะแนน ทำให้ส่วนใหญ่ไม่พอใจจึงไม่ยอมลงคะแนน ขณะเดียวกันพวกเราก็ไม่เห็นด้วยกับการนำป่าชุมชนไปทำโรงงานต่างๆ และอาจจะมีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ด้วย
วันเดียวกัน ได้มีชาวบ้านจาก ม.13 ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้อำเภอพิจารณาปลดผู้นำชุมชนของตน เพราะไปร่วมลงชื่อกับผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นๆ เสนอให้จังหวัดทบทวนการใช้พื้นที่ป่าบุญเรืองด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ได้ประกาศให้พื้นที่ 21 ตำบล 3 อำเภอ คือ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เป็นพื้นที่พัฒนาให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 2558 และกำหนดให้เริ่มดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อจัดตั้งเป็นระยะที่ 2 พร้อมกับ จ.กาญจนบุรี จ.หนองคาย จ.นครพนม และ จ.นราธิวาส
แต่จนถึงปัจจุบันเชียงรายยังคงมีปัญหาเรื่องการจัดหาที่ดินในทุกอำเภอ ซึ่งนอกจาก อ.เชียงของ ที่มีปัญหาการลงประชามติดังกล่าวแล้ว กรณี อ.เชียงแสน ซึ่งเคยมีเป้าหมายใช้เขตปฏิรูปที่ดินติดแม่น้ำกก ใกล้ท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 เนื้อที่ 651 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา แต่ปรากฏมีผู้ใช้ประโยชน์เรียกร้องราคาที่ดินสูงถึงไร่ละ 1 ล้านบาท ทำให้ต้องหาสถานที่ใหม่ ส่วน อ.แม่สาย มีการพิจารณาใช้พื้นที่กรมธนารักษ์ ติดถนนพหลโยธินสายแม่สาย-เชียงราย บ้านน้ำจำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย เนื้อที่ 870 ไร่ 3 งาน 5 ตารางวา แต่ผู้ปลูกใบยาสูบออกมาต่อต้านแล้วหลายครั้ง