กาญจนบุรี - 3 ชาวทองผาภูมิ เดินเท้า 3 วัน 140 กิโลเมตร ถึงเมืองกาญจนบุรี ขณะที่ประชาชนต่างยืนรอให้กำลังใจทั้งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม เมื่อเห็นทั้ง 3 คน เดินเท้าเข้ากรุงไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความมุ่งมั่น
เมื่อเวลา 20.56 น.วันนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายปัญญา ศรีทอง อายุ 59 ปี นายสมชาย ฉุนมี อายุ 56 ปี และนายโมฮามัต อากบาร อายุ 31 ปี ชาวบ้านตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เดินเท้าออกจากตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เวลา 09.09 น.ของวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะทางประมาณ 269 กิโลเมตร
โดยในขณะนี้ นายปัญญา นายสมชาย และนายโมฮามัต อากบาร ได้เดินเท้าเข้าสู่พื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรีแล้ว โดยในครั้งแรกทั้ง 3 คน จะเดินทางต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อุปสรรคในการเดินนั้นมีมากมาย เนื่องจากทั้ง 3 คน มีเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่คนละแค่เพียงชุดเดียว ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ใจดีที่คอยติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของชายชาวทองผาภูมิทั้ง 3 คนมาโดยตลอด จึงได้แจ้งความประสงค์ขอให้นายปัญญา นายสมชาย และนายโมฮามัต อากบาร ไปพักค้างคืนที่บ้าน และนำเสื้อผ้าไปซัก ก่อนที่จะเดินทางต่อในเช้าของวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) เวลาประมาณ 06.00 น. สำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกาญจนบุรี ที่คอยดูแลก็จะพักค้างคืนที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย
นายปัญญา ศรีทอง หรือลุงเปี๊ยก อายุ 59 ปี เปิดเผยว่า พวกตนทั้ง 3 คนมีความตั้งใจที่จะเดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยแท้จริง และไม่คิดว่าจะมีประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี จะออกมาคอยต้อนรับ และมอบกำลังใจให้แก่พวกเรามากมายขนาดนี้
นอกจากการให้กำลังใจแล้ว ยังมอบเงินให้เพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง และยังได้ฝากเงินให้นำไปถวายต่อพ่อหลวงของปวงชนชาวไทยอีกด้วย ซึ่งพวกเราทั้ง 3 คน จะทำตามทุกอย่าง และการกระดังกล่าวทำให้เรา 3 คน ต่างรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากที่มีคนมาคอยให้กำลังใจพวกเรากันอย่างล้นหลามโดยที่ไม่เคยคิดมาก่อน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เราเดินทางล่าช้ากว่ากำหนดคือ มีพายุฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และสภาพร่างกายนั้นไม่สามารถปรับตัวได้ทัน อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บที่ต้องเดินทางนานๆ ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี ที่คอยอำนวยความสะดวก และคอยปฐมพยาบาลเมื่อยามที่เรา 3 คน ได้รับบาดเจ็บตลอดทั้ง 3 วันที่ผ่านมา และนอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ที่คอยเดินตามดูแลพวกเราทั้ง 3 คนด้วยเช่นกัน อีกทั้งต้องขอขอบคุณชาวบ้านที่เห็นเราเดินผ่านมาแล้วเกิดความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องอาหาร และขอให้พวกเรากินข้าวให้อิ่ม แล้วค่อยเดินทาง ซึ่งสร้างความปลื้มใจให้แก่เราทั้ง 2 คน เป็นอย่างมาก
ส่วนสาเหตุที่ทำให้การเดินทางล่าช้าที่ทำให้เราทั้ง 3 คนไม่ค่อยจะสบายใจนัก แต่ก็ต้องจำใจเนื่องจากมีกลุ่มคนบางกลุ่มขอให้เราไปพบเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ตนเอง ซึ่งทุกคนที่ร่วมเดินทางก็รู้แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ จึงต้องทำตามคำร้องขอเพราะคิดว่าไม่เสียเวลาอะไรมากนัก ได้แต่คิดในใจว่าพวกเขานั้นหวังดี แต่ในที่สุดพวกเราทั้ง 3 คน ก็สามารถเดินเท้ามาถึงเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรีได้
โดยหลังจากที่พวกเราได้ซักเสื้อผ้า และพักผ่อนในบ้านของผู้หวังดี ในเวลาประมาณ 06.00 น.ของวันที่ 31 ต.ค.พวกเราทั้ง 3 คนก็จะรีบเดินทางต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมายที่เราวางเอาไว้ด้วยความตั้งใจคือ การได้มีโอกาสเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ให้เร็วที่สุดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่หลายรายถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มเมื่อเห็นนายปัญญา ศรีทอง นายสมชาย ฉุนมี และนายโมฮามัต อากบาร ชาวบ้านตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีจิตใจตั้งมั่นเดินเท้าจากบ้านเกิดที่ตำบลหินดาด เพื่อไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมกับร่วมกันบริจาคเงินจำนวนหนึ่งร่วมทำบุญ ไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ