นครพนม - นักท่องเที่ยวโวย เยือนแลนด์มาร์กแห่งใหม่ จ.นครพนม กราบไหว้ “องค์พญาศรีสัตตนาคราช” ถูกฝูงช่างภาพดักหน้าล้อมหลังแกมบังคับให้ถ่ายรูปรีดเงินเกินควร หลายรายเข็ดขยาดไม่ขอย้อนกลับมาเที่ยวอีก เผยเม็ดเงินหยอดตู้ทำบุญเฉพาะช่วงวันหยุดสูงถึง 4 หมื่นบาทต่อวัน ทำเอาทางจังหวัดยื้อโอนถ่ายให้เทศบาลฯ บริหารจัดการทั้งที่ไม่มีศักภาพบริหารจัดการ
นับตั้งแต่มีงานสมโภช “องค์พญาศรีสัตตนาคราช” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของ จ.นครพนม ริมฝั่งโขงถนนสุนทรวิจิตร ใกล้ตลาดอินโดจีน มีพิธีบวงสรวง 9 วัน 9 คืน เมื่อวันที่ 9-17 ก.ย.ที่ผ่านมา สื่อสารมวลชนทุกแขนงนำเสนอข่าวเป็นที่รู้จักทั่วประเทศทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลพากันมากราบไหว้ขอพรพญานาคตนนี้ในแต่ละวันมิขาดสาย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองชายโขงแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาเดือนเศษก็เริ่มเกิดปัญหาจากกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โดยหลังผ่านพ้นงานสมโภชมีกลุ่มช่างภาพโผล่ขึ้นมาราวดอกเห็ด ที่นับได้ราว 25 คน สร้างความรำคาญใจแก่นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายครั้ง
กลุ่มช่างภาพอิสระเหล่านี้ถูกขับมาจากวัดพระธาตุพนมฯ ที่มีการจัดระเบียบภายในวัดใหม่ ห้ามช่างภาพกวนใจผู้มากราบไหว้องค์พระธาตุพนม ทั้งหมดจึงยกโขยงมายังลานพนมนาคาแห่งนี้แทน ก่อความวุ่นวายแก่นักท่องเที่ยวจนเอือมระอา เพราะใช้วิธีล้อมหน้าล้อมหลังจนไม่เป็นอันกราบไหว้ขอพร บางคนแต่งกายไม่ให้เกียรติสถานที่ นุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลม รองเท้าแตะ คล้ายคนเมาเหล้าเมายา เจ้าหน้าที่เทศกิจ หรือตำรวจ ก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามปราม เนื่องจากหัวหน้าช่างภาพอ้างรู้จักเจ้าใหญ่นายโตในจังหวัดหลายคน
ล่าสุดมีนักท่องเที่ยวจาก จ.มหาสารคาม พาครอบครัวมากราบสักการะองค์พญาศรีสัตตนาคราช พบกลุ่มช่างภาพเข้ามาดักหน้าดักหลัง แกมบังคับให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยชูกรอบรูปว่าราคา 100 บาท จึงตัดความรำคาญยอมให้ถ่าย แต่เมื่อรับของจริงๆ กลับต้องจ่ายเงิน 200 บาท โดยช่างภาพอ้างว่า 100 บาทนั้นเป็นค่ารูปอย่างเดียว ถ้าใส่กรอบแล้วต้องจ่าย 200 บาท จึงมีการโต้เถียงกันว่าทำไมไม่บอกแต่ทีแรก ช่างภาพคนนั้นตอบกลับแล้วทำไมไม่ถาม ครอบครัวนักท่องเที่ยวจากมหาสารคามที่พากันมากราบไหว้พญานาคในวันหยุดถึงกับออกปากว่ามาแล้ว “เจอปัญหาอย่างนี้ก็ไม่อยากจะกลับมาที่นี่อีก”
กระทั่งมีนายนิราช ดีโนนโพธิ์ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านโนนทอง ต.โนนทอง อหนองเรือ จ.ขอนแก่น พาครอบครัวพ่อแม่ลูกมากราบไหว้ โดยเล่าว่าปกติจะมากราบนมัสการพระธาตุพนมเป็นประจำทุกปี แต่ครั้งนี้หลังจากไหว้สักการะพระธาตุพนมแล้วก็ชักชวนกันไหว้พญาศรีสัตตนาคราชต่อ เพราะดูจากสื่อต่างๆ แล้วน่าสนใจ ประกอบกับครอบครัวตนมีความศรัทธาต่อพญานาคเป็นทุนเดิม แต่กลับถูกกลุ่มช่างภาพพยายามเซ้าซี้ให้ถ่ายรูป ขณะที่กำลังจุดธูปเทียนบูชาหน้าแท่น ก้มลงจะกราบที่พื้น เห็นเท้าพวกช่างภาพถ่ายรูปยืนเรียงกันหน้าสลอน ตนจำต้องลุกขึ้นยืนพนมมือไหว้ ทำให้เสียความรู้สึกอย่างมาก
ครูนิราชบอกว่า นี่คือกาฝากที่หากินกับความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคที่มีผู้คนรู้จักกันทั่วประเทศ หาผลประโยชน์กับสิ่งคู่บ้านคู่เมืองนครพนม
“ขนาดผมเป็นคนจังหวัดอื่นยังมีความคิดว่าไม่ควรมีช่างภาพมาอยู่แถวนี้ ทางจังหวัดควรมีมาตรการที่รัดกุมกว่าเดิม ถ้ายังไม่รีบแก้ไขปัญหาบานปลายแน่นอน” ครูนิราชกล่าวทิ้งท้าย
จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น มีหลายคนสงสัยว่าบริเวณแลนด์มาร์กลานพนมนาคา สถานที่ตั้ง “องค์พญาศรีสัตตนาคราช” อยู่ในความดูแลของหน่วยงานไหน ได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าเทศบาลฯ (ขอสงวนนาม) ว่า เดิมทีหลังจากแล้วเสร็จงานบวงสรวงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจะส่งมอบงานให้เทศบาลเมืองนครพนมดูแลทั้งหมด บังเอิญเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาเยอะ วันธรรมดามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น ทั้งนี้หากเป็นวันหยุดจะกระฉูดไปที่ 4 หมื่นเศษ จังหวัดเลยเปลี่ยนใจขอเป็นผู้ดูแลเอง แต่ไม่มีกำลังพลที่จะไปจำหน่ายดอกไม้ธูป เทียน ฯลฯ จึงขอใช้บริการจากเทศบาลฯ ช่วยจัดคนไปอยู่ที่ลานพนมนาคา
เทศบาลฯ มีสำนักงาน 3 หน่วย แยกเป็น 5 กอง จึงถูกเรียกใช้ไปหมุนเวียนที่บริเวณองค์พญาศรีสัตตนาคราช โดยมีค่าอาหารให้วันละ 1,000 บาท เริ่มทำงานตั้งแต่ 08.00-22.00 น. ถึงเวรของหน่วยไหนกองไหน ก็จะต้องกรีฑาพลไปทั้งคณะ บางหน่วยหรือกองจะมากเกือบ 20 คน ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่เทศกิจอีก 2 คน ส่วนตำรวจอีก 1 คนนั้นหากินเอง ถึงเวลากินข้าว บางครั้งเงิน 1 พันบาทนั้นไม่พอ จะใช้วิธีถัวเฉลี่ยออกเงินกันซื้ออาหารมากิน
ทั้งนี้ เคยมีคนท้วงติงว่าควรจะมีเบี้ยเลี้ยงให้พนักงานเหล่านี้เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน แต่ถูกคนแถวๆ ศาลากลางตอกหน้ากลับไปว่า เจ้าหน้าที่เทศบาลฯมีเงินเดือนกินอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยง ส่วนยอดเงินบริจาคทำบุญนั้นตั้งแต่มีพญาศรีสัตตนาคราชประดิษฐาน ตัวเลขกลมๆ ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 8 แสนบาท มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ขึ้นมา 2 ฝ่าย ประกอบด้วย เทศบาลฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากคลังจังหวัด ช่วยกันนับเงินฝากแบงก์ในนาม “กองทุนพญาศรีสัตตนาคราช”
อีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดใคร่อยากจะฝากไปทางจังหวัดพิจารณาร่วมกับเทศบาลฯ กรณีถนน ONE WAY เส้นสุนทรวิจิตรเริ่มจากหอนาฬิกาถึงลานพนมนาคา และถนนคนเดินนั้น ควรยกเลิก เพราะมีนักท่องเที่ยวหลงทางกันไม่น้อย การมากราบไหว้พญาศรีสัตตนาคราชนั้น เขาไม่ได้มาไหว้แล้วกลับ แต่ต้องการเที่ยวชมสถานที่อื่นๆ ด้วย เช่น หอนาฬิกาที่ชาวเวียตนามสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ กล่าวคือในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เทศบาลฯ จะปิดถนนศรีเทพตรงหอนาฬิกาให้กลายเป็นถนนคนเดินยาวหลายร้อยเมตร นักท่องเที่ยวมาแล้วไปไม่ได้ ถูกบังคับให้เลี้ยวใช้เส้นทางอื่น ด้วยความไม่คุ้นเคยพื้นที่จึงหลงทาง เพราะไม่รู้จะไปโผล่ตรงถนนเส้นไหน เสียเวลาจอดรถถามผู้คนวุ่นวาย ผู้มาเยือนจำนวนไม่น้อยต้องการจะไปเยี่ยมชมจวนผู้ว่าฯ หลังเก่า ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็ไปไม่ถูก เพราะถนนคนเดินปิดเอาไว้ นักท่องเที่ยวแนะนำว่าควรยกถนนคนเดินมาไว้ที่ลานพนมนาคา นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้กราบไหว้สักการะพญาศรีสัตตนาคราชแล้วยังถือโอกาสเดินชอปปิ้งเลือกซื้อสินค้าบริเวณนั้นได้ด้วย