สุรินทร์-“หลวงปู่โพธิ์” พระสายกัมมัฏฐาน เจ้าอาวาสวัดพระอารามหลวง สุรินทร์ เผยความประทับใจปลาบปลื้ม “ในหลวง ร.๙” เสด็จทรงเยี่ยมนมัสการ และทรงสนทนาธรรมกับ “หลวงปู่ดูลย์ อตุโล” พระอริยสงฆ์แห่งแดนอีสานใต้หลายครั้ง จวบจนหลวงปู่ละสังขาร ปี 2526 รวมอายุ 96 ปี และครั้งสุดท้ายเสด็จพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ ในปี 2528 เมื่อ 31 ปีก่อน ชี้ “ในหลวง” ทรงซาบซึ้งแตกฉานทั้งทางโลก และทางธรรม
วันนี้ (26 ต.ค.) ที่วัดบูรพาราม พระอารามหลวงเฉลิมพระเกียรติ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พระราชวรคุณ (หลวงปู่โพธิ์) เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม พระอารามหลวง เฉลิมพระเกียรติ อดีตพระเลขา พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) และอดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ฝ่ายธรรมยุตนิกาย เล่าว่า เมื่อครั้งวันที่ 18 ธันวาคม 2522 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายา พระยศในขณะนั้น และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มายังวัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อทรงเยี่ยม และนมัสการ หลวงปู่ดูลย์ เป็นการส่วนพระองค์
หลังจากมีพระราชปฏิสันถารถึงสุขภาพพลานามัยของหลวงปู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอาราธนาให้หลวงปู่แสดงพระธรรมเทศนา และทรงบันทึกเทปไว้ด้วย เมื่อหลวงปู่แสดงพระธรรมเทศนาย่อๆ ถวายจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสนทนาธรรมข้ออื่นๆ พอสมควรแก่เวลา แล้วทรงถวายจตุปัจจัยแก่หลวงปู่ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
โดยในครั้งนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาก่อน จากนั้นไม่นาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็เสด็จตามมา และทรงสนทนาธรรมต่างๆ แล้ว ทรงถามเรื่องการสละกิเลส หลวงปู่ดูลย์ท่านถวายวิสัชนา ว่า กิเลสเกิดขึ้นที่จิต กิเลสใดเกิดขึ้นมาก่อนให้ละข้อนั้นก่อน จากนั้นได้สนทนาธรรมในเรื่องต่างๆ จนกระทั่งก่อนเสด็จกลับ ได้ดำริกับหลวงปู่ให้หลวงปู่ดำรงขรรค์อยู่เป็นเวลานานนับร้อยๆ ปี เพื่อประโยชน์สุขของพลเมือง หลวงปู่ตอบไปว่า แล้วแต่สังขาร ก็เป็นไปตามธรรมดา
ขณะนั้นพสกนิกรที่ทราบข่าวพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาต่างแตกตื่น เดินทางมาที่วัดเป็นจำนวนมาก เพราะการเสด็จในครั้งนั้นเป็นการเสด็จส่วนพระองค์
ต่อมา ครั้งที่ 2 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จทรงเยี่ยม หลวงปู่ดูลย์ เมื่อครั้งหลวงปู่อาพาธ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 5 มีนาคม 2526 เวลา 19.45 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงสนพระทัยไต่ถามอาการของหลวงปู่ด้วยพระปริวิตก เกรงว่า หลวงปู่จะไม่ปลอดภัย เมื่อทรงทราบว่า หลวงปู่มีอาการดีขึ้นมากแล้ว ทรงคลายความเป็นห่วง ทรงสนทนากับหลวงปู่พอสมควรแก่เวลา ทรงถวายจตุปัจจัยไทยทานแก่หลวงปู่ และพระภิกษุสามเณร ตลอดจนศิษย์ที่อยู่รักษาพยาบาลโดยทั่วกันแล้ว จึงเสด็จกลับในเวลา 20.30 น. รวมเวลาเสด็จเยี่ยมทั้งหมด 45 นาที
จากนั้น เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2526 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทางเยี่ยมนมัสการ หลวงปู่ดูลย์ และทรงสนทนาธรรม
และครั้งสุดท้าย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมนุวงศานุวงศ์มาพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ดูลย์ ที่บริเวณวนอุทยานเขาสวาย ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2528 หลังหลวงปู่ดูลย์ ละสังขาร เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2526 รวมอายุ 96 ปี พรรษา 74
หลวงปู่โพธิ์ กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่านทรงกราบไหว้พระอริยสงฆ์ในหลายพื้นที่ พระองค์ทรงสนพระทัยในเรื่องธรรมปฏิบัติ และเสด็จกราบไหว้ครูบาอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานผู้มีความละเอียดอ่อนในกระแสธรรมหลายรูป แสดงถึงตลอดพระชนมชีพพระองค์ท่านมีความซาบซึ้งในคุณธรรม หรือในกระแสธรรมต่างๆ จากพระดำรัส ณ ที่ใดที่หนึ่ง เหมือนนพรัตน์ที่เจียระไนเสร็จแล้ว มีคุณค่าแก่การเชื่อถือ และปฏิบัติตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น พระองค์จึงเป็นผู้แตกฉานทั้งฝ่ายปริยัติปฏิบัติ หรือข้ออรรถข้อธรรม เข้าใจหลักลึกซึ้งอย่างแท้จริง จากการที่ทรงสนพระทัย หรือฟังครูบาอาจารย์มาตลอดตามเวลาที่พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ซึ่งเรายอมรับว่าพระองค์ทรงซาบซึ้ง แตกฉานทั้งทางโลก และทางธรรม หรือทางปริยัติปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งหาได้ยาก
สำหรับ พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) กำเนิด ณ บ้านปราสาท ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อแรม 2 ค่ำ เดือน 11 ปีกุน ตรงกับวันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2430 เป็นปีที่ 20 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โยมบิดาชื่อ นายแดง โยมมารดาชื่อ นางเงิม นามสกุล ดีมาก
หลวงปู่ดูลย์ มีพี่น้อง 5 คน คนแรกเป็นหญิงชื่อ กลิ้ง คนที่สองคือ หลวงปู่เอง ชื่อ ดูลย์ คนที่สามเป็นชายชื่อ เคน คนที่สี่ และห้าเป็นหญิงชื่อ รัตน์ และทอง พี่น้องทั้ง 4 คน มีชีวิตจนถึงวัยชรา และทุกคนเสียชีวิตก่อนมีอายุถึง 70 ปี มีเพียงหลวงปู่เท่านั้นที่ดำรงอายุขัยอยู่จนถึง 96 ปี
อุปสมบท ณ วัดจุมพลสุทธาวาส อ.เมือง จ.สุรินทร์ ใน พ.ศ.2453 โดยมีพระครูวิมลศีลพรต เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อแรกบวชหลวงปู่ได้พากเพียรศึกษาการปฏิบัติกรรมฐานอย่างเคร่งครัด มีความวิริยะ อุตสาหะอย่างแรงกล้า จนล่วงเข้าพรรษาที่ 6 หลวงปู่จึงหันมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดสุทัศน์ จ.อุบลราชธานี สอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นรุ่นแรกของ จ.อุบลราชธานี และได้ศึกษาบาลีไวยากรณ์ (มูลกัจจายน์) จนสามารถแปลพระธรรมบทได้ เนื่องจากวัดสุทัศน์ เป็นวัดที่อยู่ในสังกัดธรรมยุตนิกาย หลวงปู่จึงได้ขอญัตติเป็นธรรมยุตนิกาย ใน พ.ศ.2461 ณ วัดสุทัศน์ โดยมีพระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์
ในพรรษาต่อมา หลวงปู่ได้มีโอกาสพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เมื่อได้ฟังธรรมเพียงครั้งเดียว จากพระอาจารย์มั่น ก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง จึงได้เลิกศึกษาพระปริยัติแล้วออกธุดงค์ตามพระอาจารย์มั่น ไปยังที่ต่างๆ หลายแห่ง จึงนับได้ว่า หลวงปู่ดูลย์ เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นในสมัยแรก
ต่อมา เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา ขอให้หลวงปู่กลับจังหวัดสุรินทร์ เพื่อบูรณะวัดบูรพาราม หลวงปู่จึงจำต้องระงับกิจธุดงค์ และเริ่มงานบูรณะตามที่ได้รับมอบหมาย หลวงปู่ดูลย์ ได้อุทิศชีวิตเพื่อพระศาสนาอย่างแท้จริง จนได้รับการยอมรับจากสาธุชนทั้งหลาย ว่า เป็นพระอริยสงฆ์ที่หาได้ยากยิ่งรูปหนึ่ง