บุรีรัมย์ - ชายวัย 54 ปีชาวบุรีรัมย์ยึดคำสอนของ “พ่อหลวง ร.๙” ขุดสระกักเก็บน้ำแก้ภัยแล้ง ปลูกไม้ยืนต้นสร้างผืนป่ารอบไร่นาสวนผสมเนื้อที่ 13 ไร่มากกว่า 1,000 ต้น เพื่อพลิกฟื้นคืนความสมดุลธรรมชาติทดแทนคุณแผ่นดิน พร้อมตั้งปณิธานนำพาครอบครัวหมั่นเพียรทำดี ซื่อสัตย์ อดทน และเป็นต้นแบบถ่ายทอดปลูกฝังชาวบ้านเห็นคุณค่าป่า และน้ำ
วันนี้ (25 ต.ค.) หากพูดถึงการทำเกษตรตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีหลากหลายรูปแบบตามความถนัดและความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่ของเกษตรกร เช่นเดียวกับ นายดวง ศรีศิริงาม อายุ 54 ปี ชาวนาบ้านลุมปุ๊ก หมู่ 1 ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นชาวนาอีกคนหนึ่งที่น้อมนำคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาปรับใช้ในการทำไร่นาสวนผสมบนเนื้อที่ 13 ไร่
โดยการแบ่งพื้นที่นาบางส่วนหันมาขุดสระ 8 ลูกเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีแหล่งน้ำไหลผ่านต้องอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ทั้งเน้นการปลูกไม้ยืนต้น เช่น ต้นประดู่ ยางนา พะยูง จิก สะเดา และต้นศึก หรือขุนศึก รอบพื้นที่ไร่นารวมกว่า 1,000 ต้น เพื่อพลิกฟื้นธรรมชาติควบคู่กับการทำไร่นาสวนผสมมาตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
ขณะนี้ต้นไม้ที่ปลูกไว้ได้เจริญเติบโตเป็นร่มเงา สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ดิน ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นก็สามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์ใส่นาข้าว พืชสวน แทนการใช้สารเคมี ที่สำคัญยังเป็นการคืนความสมดุลให้ธรรมชาติเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดินตามพระราชดำรัสของพ่อหลวงอีกด้วย
นายดวงยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่เคยรู้คุณค่าของป่า และน้ำ คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรดินจะดีจะทำนา ปลูกพืชผัก ทำสวนให้ได้ผลผลิตดีเท่านั้น แต่ไม่ได้ผลตามที่ตั้งหวังไว้ กระทั่งได้น้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาปรับใช้ ทั้งการขุดสระกักเก็บน้ำ ปลูกต้นไม้รอบพื้นที่ไร่นา ก็เกิดประโยชน์หลายด้าน ทั้งสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผืนดิน ส่งผลดีต่อการทำไร่นาสวนผสม ทั้งคืนความสมดุลให้ธรรมชาติเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดิน
พร้อมตั้งปณิธานจะนำพาครอบครัวหมั่นเพียรทำความดี ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ สุจริต พร้อมจะเป็นต้นแบบให้ชาวบ้าน เกษตรกรได้หันมาเห็นความสำคัญของป่า และน้ำ ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้าน เกษตรกรในพื้นที่มาศึกษาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติบ้างแล้ว