ประจวบคีรีขันธ์ - บรรยากาศวันสุดท้ายที่เปิดให้ประชาชนมาจุดเทียนแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่หน้าพระราชวังไกลกังวล มีประชาชนกว่าหมื่นคนเดินทางมาร่วมพิธี โดยกลุ่มนักแกะสลักน้ำแข็งกว่า 30 คน ร่วมแกะสลักน้ำแข็ง 99 ก้อน ความยาว 15 เมตร ข้อความว่า KING OF KING รวมทั้งกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงป่าละอูหลายร้อยคนสวมชุดประจำถิ่นเดินทางมาจากตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มาร่วมพิธีแสดงความอาลัยครั้งนี้ด้วย ขณะที่ ปชช.บางส่วนไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกการปิดการจราจรในช่วงที่มีการจุดเทียน วอนตำรวจ ทหารพิจารณาใหม่
เมื่อคืนวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา บรรยากาศที่บริเวณหน้าพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้ประชาชนเดินทางมาร่วมจุดเทียน ร้องเพลงสรรเสริญบารมี เพลงต้นไม้ของพ่อ และพ่อแห่งดิน โดยบรรยากาศเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็น มีกลุ่มราษฎรจิตอาสา ผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอหัวหิน และใกล้เคียง นำอาหาร เครื่องดื่มมาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมจุดเทียนแสดงความความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็นจำนวนมาก
โดยที่บริเวณหน้าค่ายนเรศวร กลุ่มนักแกะสลักน้ำแข็งจากหัวหิน กรุงเทพฯ และพัทยา ซึ่งแต่ละคนล้วนเคยผ่านการแข่งขันในประเทศ และต่างประเทศมาแล้วทั้งสิ้นกว่า 30 คน ได้ร่วมตัวกันแกะสลักน้ำแข็งเป็นอักษรภาษาอังกฤษ KING OF KING โดยตรงกลางมีพระบรมฉายาลักษณ์ประดับอยู่ ความยาว 15 เมตร และสูงสุด 3 เมตร ใช้น้ำแข็งทั้งสิ้น จำนวน 99 ก้อน เริ่มแกะสลักน้ำแข็งกันตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. เสร็จสมบูรณ์สวยงามเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
นายนิพนธ์ สาสาร ตัวแทนทีมแกะสลักน้ำแข็ง กล่าวว่า ทุกคนต่างรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกครองบ้านเมืองมากว่า 70 ปี พระองค์ทรงงานไม่มีวันหยุด วันนี้ทุกคนจึงร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และแสดงความอาลัยพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย ข้อความที่ใช้ในวันนี้คือ KING OF KING หมายถึงกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือกษัตริย์ทั้งปวง สำหรับการแกะสลักน้ำแข็งครั้งนี้มีความยากอยู่ที่การประกบน้ำแข็งแต่ละก้อนเป็นชั้นๆ ให้ได้ความสูงตามต้องการ แม้จะเป็นสิ่งที่ยากแต่ทุกคนล้วนตั้งใจแสดงออกเพื่อแสดงความอาลัยต่อพระองค์ท่านอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน ได้มีการจัดขบวนเดินเท้าเดินด้วยใจไปบ้านพ่อจากสวนโผนกิ่งเพชร ไปตามถนนเพชรเกษม มุ่งหน้ายังหน้าพระราชวังไกลกังวล นำโดย พล.ร.ต.เชษฐา ใจเปี่ยม ผู้บังคับการหมู่เรือรักษาการณ์ วังไกลกังวลหัวหิน พร้อมด้วย นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นำหน่วยงานข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พร้อมข้าราชการสำนักงานวังไกลกังวล ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และหน่วยงานต่างๆ แต่งกายในชุดไว้ทุกข์ และเครื่องแบบข้าราชการ รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ หรือกะเหรี่ยงป่าละอู ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ห่างจากเมืองหัวหินกว่า 80 กิโลเมตร ก็ได้สวมชุดประจำถิ่นเดินทางมาร่วมเดินด้วยใจไปบ้านพ่อด้วย ร่วมทั้งสิ้นกว่า 5,000 คน
โดยส่วนใหญ่ต่างถือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน และเมื่อถึงยังพระราชวังไกลกังวลต่างก็ชูพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นเหนือศรีษะ โดยกลุ่มชาติพันธุ์จากพื้นที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ นอกจากเดินทางมาร่วมจุดเทียนด้วยแล้ว ยังได้ร่วมกันแสดงการรู้รักสามัคคี ดังคำที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ได้สอนสั่งเอาไว้ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่ามกลางความสนใจของประชาชนเป็นจำนวนมาก
สำหรับเมื่อคืนนี้ มีประชาชนหลั่งไหลเดินทางมาเป็นจำนวนมาก เมื่อรวมเข้ากับประชาชนที่เดินทางมากับขบวนเดินด้วยใจไปบ้านพ่อแล้ว ทำให้มีประชาชนมาร่วมจุดเทียนถวายอาลัยนับหมื่นคน ทำให้ต้องปิดการจราจรชั่วคราวทันที โดยมี พล.ร.ต.เชษฐา ใจเปี่ยม ผู้บังคับการหมู่เรือรักษาการณ์ วังไกลกังวล เป็นประธานพิธี ได้อ่านพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ในปีพุทธศักราช 2493 หลังจากพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานโดยรถไฟพระที่นั่งประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน ซึ่งประดุจเป็นพระราชวังแห่งที่ 2 ของพระองค์
และในปีพุทธศักราช 2495 พระองค์ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ หมู่บ้านห้วยมงคล ทอดพระเนตรถึงความยากลำบากของราษฎรในการเดินทาง ต่อมา พระองค์พระราชทานถนนสายห้วยมงคล เข้าสู่หมู่บ้านอันเป็นโครงการเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการพัฒนาชนบทโครงการแรกของพระองค์ และยังได้พระราชทานพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำเขาเต่า เพื่อบรรเทาความแห้งแล้ง และความเดือดร้อนของราษฎร
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15.52 น.หัวใจไทยทุกดวงเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ น้ำตาแห่งความอาลัยไหลนองแผ่นดิน สิ้นพ่อของแผ่นดินแล้ว ถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศตลอด 70 ปี ที่พระองค์ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกร
ต่อจากนั้น ได้ร่วมกันให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะตั้งมั่นเจริญรอยตามพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธาน รู้รักสามัคคี สร้างความเจริญให้แก่บ้านเมือง มุ่งมั่นประกอบคุณงามความดี กตัญญูต่อแผ่นดินตราบจนชีวิตจะหาไม่ พระองค์สถิตอยู่ในใจพสกนิกรชาวหัวหินตราบนิจนิรันดร
หลังจากนั้น ร่วมกันยืนสงบนิ่ง และจุดเทียนแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อแสดงความกตัญญู สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมยังได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงพ่อแห่งแผ่นดิน และเพลงต้นไม้ของพ่อ เพื่อแสดงความกตัญญู สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ทั้งนี้ ทางเทศบาลเมืองหัวหิน แจ้งว่า จะไม่มีการปิดการจราจรเพื่อจัดพิธีจุดเทียนแสดงความอาลัยที่หน้าพระราชวังไกลกังวล สำหรับประชาชนที่ยังคงเดินทางมาแสดงความอาลัยนั้นเทศบาลเมืองหัวหิน ได้จัดพื้นที่ไว้บริเวณฟุตปาธฝั่งขาเข้า ด้านหน้าค่ายนเรศวรหัวหิน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่มาจุดเทียนที่หน้าพระราชวังไกลกังวล หัวหิน เห็นว่า หากประชาชนยังคงมาร่วมจุดเทียนกันอีกที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 และมีเป็นจำนวนมากก็ควรที่จะจัดการปิดการจราจรให้ประชาชนได้แสดงความอาลัย เพราะที่ผ่านมา เห็นแล้วว่า 9 วันมีประชาชนวันละหลายพันคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องก็ควรทำหน้าที่ปิดการจราจรให้ประชาชนเป็นช่วงเวลาเดิมแต่ให้สั้นลงก็ได้ ขนาดวันนี้ยังมีประชาชนนับหมื่นที่มาร่วม สิ่งสำคัญที่หัวหินเป็นบ้านของพ่อ ดังนั้น อยากฝากไปยังผู้เกี่ยวข้องให้ทบทวนด้วย