น่าน - พสกนิกรชาวน่านร่วมรำลึก “รอยพระบาทแรกบนแผ่นดินน่าน” นายกเล็กเวียงสา หนึ่งในนักเรียนที่ร่วมรับเสด็จเผยเป็นความทรงจำที่มีค่าที่สุดในชีวิต เห็นพระองค์ทรงลูบหัวชาวเขา พอตรัสถามพูดได้แต่คำ “ขอเดชะ ขอเดชะ..” และล่าสุดร่วมกันตามหา “เก้าอี้พระที่นั่ง” จนพบแล้ว
วันนี้ (18 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ใช้ Face book ชื่อ “นัท ณัฐภูมินทร์” ได้เผยแพร่รูปภาพหายาก ซึ่งเป็นภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เมื่อคราวเสด็จฯ ในพื้นที่จังหวัดน่าน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครั้งแรกเมื่อปี 2501 อันถือเป็นรอยพระบาทแรกบนแผ่นดินจังหวัดน่าน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนสังคมออนไลน์พากันแชร์-ดาวน์โหลดเก็บไว้เป็นจำนวนมาก
คราวนั้นพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร ณ ที่ว่าการอำเภอสา ปัจจุบันคือ เทศบาลตำบลเวียงสา อ.เวียงสา รวมทั้งยังได้เสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎรที่ศาลากลางจังหวัดน่าน ซึ่งปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน และเสด็จฯ ยังวัดสวนตาล ทรงสักการะพระเจ้าทองทิพย์ พระพุทธรูปคู่เมืองน่าน
นายวิโรจน์ หวั่นท๊อก นายกเทศมนตรีตำบลเวียงสา ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ “รอยพระบาทแรก ณ น่าน” ว่า วันที่ 16 มีนาคม 2501 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ ที่ว่าการอำเภอสา อ.เวียงสา จ.น่าน
ซึ่งตอนนั้นตนยังเป็นเด็กนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อายุประมาณ 12-13 ปี ได้ถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้าลูกเสือเพื่อเข้าร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ บรรยากาศในวันนั้นยังจำได้ดี มีประชาชน และชนเผ่าต่างๆ จากหลายอำเภอเดินทางมารอเฝ้าฯ รับเสด็จ พระองค์เสด็จพระดำเนินในอาคารไม้แห่งนี้ และประทับที่หน้ามุขของอาคาร
หลังจากนั้นพระองค์ท่านเสด็จพระดำเนินลงมาทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเข้าเฝ้าฯ ซึ่งตนยังคงจำภาพที่พระองค์ลูบศีรษะชนเผ่าที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ แต่สิ่งที่จดจำมิรู้ลืมคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ตรัสถามว่า “อยู่โรงเรียนไหน” และด้วยความตื้นตัน ตื่นเต้น ประหม่า แม้จะซ้อมมาเป็นอย่างดี แต่ก็พูดได้เพียง “ขอเดชะ ขอเดชะ ขอเดชะ” พูดอยู่แค่นั้น จนทรงกระซิบรับสั่งด้วยพระเมตตาว่า “พูดตามธรรมดาก็ได้”
“นั่นเป็นภาพความทรงจำที่มีคุณค่าอย่างหาที่สุดมิได้แล้วในชีวิต และหลังจากนั้นไม่เคยได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์ท่านอีกเลย”
แต่แรงบันดาลใจที่ตราตรึง เมื่อตนมีโอกาสทำงานรับใช้บ้านเมืองในตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเวียงสา ได้ใช้ความสามารถอย่างที่สุดที่จะอนุรักษ์อาคารไม้ประวัติศาสตร์แห่งนี้ไว้ แม้จะมีบางส่วนเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว แต่ก็พยายามทำกลับคืนมาให้เหมือนเดิมมากที่สุด เพื่อทำเป็นนิทรรศการ “อนุสรณ์รอยพระบาทแรกแห่งแผ่นดินน่าน” นอกจากนี้ยังได้พยายามติดตาม “เก้าอี้พระที่นั่ง” ซึ่งพระองค์ประทับในวันนั้นให้กลับคืนมาไว้ที่อาคารไม้ประวัติศาสตร์แห่งนี้อีกด้วย
นายวิโรจน์บอกว่า “เก้าอี้ที่ประทับ” เป็นเก้าอี้ไม้แกะสลักลวดลายเป็นครุฑ ซึ่งหายไปกว่า 10 ปีแล้ว หลังสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการ “รอยพระบาทแรกแห่งแผ่นดินน่าน” ขึ้นในปี 2554 ก็ได้พยายามสืบค้น และติดตามสิ่งของเก่าๆ จนในที่สุดเมื่อปี 2557 ก็สามารถติดตามพบเก้าอี้พระที่นั่ง ซึ่งมีผู้เก็บรักษาไว้ จึงได้ขอนำกลับคืนมายังอาคารไม้ดังเดิม
นายวิโรจน์กล่าวว่า ชาวอำเภอเวียงสายังคงยึดมั่นในคำสอน และใช้ชีวิตแบบพอเพียง นอกจากนี้ เวลาที่ทำงานเจออุปสรรคมากมาย เหนื่อย และท้อ จะเฝ้ามองดูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านที่ทรงนั่งพิงล้อรถจี๊ปบนสะพานไม้และทรงงานท่ามกลางความเหนื่อยยาก ซึ่งเป็นภาพที่ชอบมากที่สุดจนนำมาติดตั้งไว้ในห้องทำงาน เพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจ เมื่อต้องเจอปัญหาอุปสรรคในการทำงาน ทำให้ตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป
สำหรับอาคารไม้ประวัติศาสตร์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 2492 และสร้างเสร็จในปี 2495 เป็นที่ว่าการอำเภอสา ปัจจุบันคือ อาคารสำนักงานเทศบาลตำบลเวียงสา ที่ยังคงสภาพให้เหมือนเดิมมากที่สุด ถือเป็นอาคารไม้แห่งเดียวในจังหวัดน่าน ปัจจุบันยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านวิถีชีวิต และวัฒนธรรม ซึ่งมีสิ่งของโบราณ เรือขุดน่าน จัดแสดง รวมถึงการดำเนินรอยตามคำสอนด้านเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช