ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พสกนิกรอีสานใต้โคราช-บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ ร่ำไห้อาลัย “ในหลวง” เสด็จสวรรคต ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย เผยดีใจได้เกิดเป็นคนไทยอยู่ใต้ร่มพระบารมี หากเลือกได้ขอเกิดเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ขณะที่ศรีสะเกษเกิดเหตุอัศจรรย์พระจันทร์ทรงกลดนานกว่า 10 นาที สถานบันเทิงทุกแห่งปิดให้บริการ
เมื่อเวลา 19.30 น. วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังสำนักพระราชวังประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต ประชาชนชาว จังหวัดนครราชสีมาที่ติดตามสถานการณ์มาตลอดทั้งวัน เมื่อทราบประกาศดังกล่าวต่างโศกเศร้าเสียใจและร่ำไห้ด้วยความอาลัย
ผู้สื่อข่าวออกตระเวนตามสถานที่ที่มีประชาชนรวมตัวกันอยู่จำนวนมาก เช่น ตลาดสดในเขตเทศบาลนครราชสีมาทุกแห่งต่างเปิดโทรทัศน์ชมการถ่ายทอดสดกันอย่างใจจดใจจ่อ ทันทีที่ทราบข่าวประกาศสำนักราชวังว่าในหลวงสวรรคต ต่างกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย โดยเฉพาะ นางสุพิณ ม่วงฉะ อายุ 65 ปี ชาวโคราช ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก และคุณยายละท้าย อายุ 82 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ขอให้พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์ ตนเป็นประชาชนใต้ร่มพระบารมีมากว่า 80 ปี รักและเทิดทูนพระองค์เป็นที่สุด
ขณะที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา และสมาชิกสภาเทศบาลฯ พร้อมประชาชนรวมกว่า 300 คน ได้สวมเสื้อสีชมพู ร่วมกันจุดธูปเทียน และยืนสงบนิ่งไว้อาลัย ขณะที่ตามร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดไนท์ และตามสวนสาธารณะประชาชนต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง และจับกลุ่มรวมตัวกันยืนสงบนิ่ง บางคนยืนกอดกันร้องไห้ ส่งผลให้บรรยากาศทั่วทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
เช่นเดียวกับประชาชน พ่อค้าแม่ค้า และพสกนิกรที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่างเฝ้าติดตามแถลงการณ์จากสำนักพระราชวังเกี่ยวกับพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีการถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ อย่างใกล้ชิด หลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หลังทราบข่าวจากประกาศสำนักพระราชวังว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89
เพราะถือเป็นข่าวที่สร้างความโศกเศร้าเสียใจแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศที่ได้สูญเสียพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ซึ่งต่างตั้งจิตภาวนาขอให้พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรคาลัย
นางชีวธัน ไพโรจน์ธนกร อายุ 45 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังทราบข่าวจากแถลงการณ์สำนักพระราชวังว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้วด้วยพระอาการสงบที่โรงพยาบาลศิริราช รู้สึกตกใจและเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่ทราบข่าวทรงพระประชวร ได้สวดมนต์ภาวนาขอให้พระองค์ทรงหายประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนานมาตลอด
พร้อมเผยด้วยว่า ตนดีใจและโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ เพราะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา วิริยะ อุตสาหะ ทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทยอย่างไม่ย่อท้อมาตลอดที่ทรงครองราชย์ และหากเลือกได้ขอเกิดเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โรงพยาบาลศรีสะเกษได้อัญเชิญพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา พระผู้เป็นหัวใจแห่งปัญญาและการเยียวยามาประดิษฐาน เพื่อให้ประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษได้กราบไหว้สักการะ ซึ่งปรากฏว่าได้มีประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษพากันมากราบไหว้ พร้อมทั้งอธิษฐานจิตขอให้บุญบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา ได้ดลบันดาลให้ดวงพระวิญญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเสด็จสู่สรรคาลัย
พร้อมทั้งได้นำจอทีวีขนาดใหญ่มาเปิดให้ประชาชนได้ชม เพื่อรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงที่ทรงบำเพ็ญเพื่อความอยู่ดีของปวงชนชาวไทย ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุอัศจรรย์ใจ เนื่องจากว่าบนท้องฟ้าของ จ.ศรีสะเกษพระจันทร์ได้ทรงกลดเป็นเวลานานประมาณ 10 นาที ทำให้ประชาชนชาวศรีสะเกษเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้รู้ว่าพ่อหลวงของปวงชนชาวไทยเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว
นางรดา สุวรรณพันธ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 11 ต.ขะยูง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมานั่งอธิษฐานจิตเบื้องหน้าพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า นับตั้งแต่พ่อหลวงได้เสด็จฯ ประทับโรงพยาบาลศิริราช ตนได้เข้าสวดมนต์อธิษฐานจิตต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่งของ จ.ศรีสะเกษ เพื่อขอให้พ่อหลวงทรงหายจากอาการพระประชวรโดยเร็ว แต่อภินิหารไม่ได้มีจริง ตนรู้สึกเสียใจมาก ขอประกาศเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบสถานบันเทิงทุกแห่งของ จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงได้ปิดให้บริการ เปิดเพียงการแข่งขันฟุตบอลให้นักท่องเที่ยวได้ชมและนั่งรับประทานอาหารเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อร่วมไว้อาลัยแด่ในหลวงของปวงชนชาวไทย