กาญจนบุรี - มือปราบ ส.ป.ก.กาญจนบุรี เผยกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เตรียมลงพื้นที่สืบสวนการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ของกลุ่มนายทุน และผู้ทีอิทธิพล ตามคำร้องขอ พร้อมรับเป็นคดีพิเศษแล้ว เจ้าตัวเปิดใจขอมุ่งมั่นทำงานรับใช้เกษตรกร ชาวกาญจน์ต่อไปจนกว่าจะเกษียณ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (13 ต.ค.) ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) กาญจนบุรี ถ.แม่กลอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 และมีคำสั่ง คสช.ที่ 36/2559 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 เรื่องการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยึดคืนที่ดินจากกลุ่มนายทุน และผู้มีอิทธิพลที่ครอบครองตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน จัดสรรให้เกษตรกร ตามนโยบายโครงการจัดรูปที่ดินในรูปแบบสหกรณ์
สำหรับจังหวัดกาญจนบุรี มีแปลงเป้าหมายที่ได้ดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ที่ 36/2559 ทั้งหมด 16 แปลง ใน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง ไทรโยค ด่านมะขามเตี้ย พนมทวน และอำเภอเลาขวัญ พื้นที่ทั้งหมด 17,566.01 ไร่ ซึ่ง ส.ป.ก.กาญจนบุรี ได้ดำเนินการติดประกาศพื้นที่เป้าหมายทั้ง 16 แปลง ตามขั้นตอนของกฎหมายเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ซึ่งที่ดินทั้ง 16 แปลง มีทั้งผู้นำเอกสารมาแสดงการครอบครอง และไม่มีผู้นำเอกสารมาแสดงการครอบครอง ซึ่งกรอบระยะเวลาการตรวจสอบเอกสารรวมทั้งชี้แนวเขต และแปรภาพถ่ายทางอากาศนั้นสิ้นสุดไปแล้ว และ ส.ป.ก.ได้ตรวจสอบและพิจารณาแล้วพบว่า แปลงที่มีผู้นำเอกสารมายื่นแสดงนั้นฟังไม่ขึ้น น่าจะมีการออกเอกสารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ส.ป.ก.ส่วนกลาง
แต่เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของ ส.ป.ก.นั้นสามารถตรวจสอบได้เฉพาะ เอกสาร ส.ป.ก.4-01 เท่านั้น โดยไม่มีอำนาจไปตรวจสอบเอกสารจากหน่วยงานอื่นทำได้ เพียงแค่ขอความร่วมมือในการให้หน่วยงานนั้นๆ ส่งเอกสารมาให้ทาง ส.ป.ก.ตรวจสอบเท่านั้น
ส.ป.ก.จึงต้องส่งเรื่องพร้อมเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งล่าสุด วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้พิจารณารับเรื่องเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ประสานงานร่วมกับ ส.ป.ก.กาญจนบุรี คาดว่าจะประสานมาในเร็วๆ นี้
สำหรับการมาของเจ้าหน้าที่ DSI นั้นไม่ใช่เพียงแค่มาสอบสวนหาข้อเท็จจริงเฉพาะแปลงเป้าหมายทั้ง 16 แปลงเท่านั้น แต่จะรวมถึงกลุ่มนายทุน และผู้มีอิทธิพลที่เข้ายึดที่ดิน ส.ป.ก.ที่จะเข้าดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ที่ 36/2559 ในเฟสที่ 2 อีกด้วย
สำหรับการที่ตนเคยขอให้ผู้บังคับบัญชาย้ายตำแหน่งไปทำหน้าที่ ส.ป.ก.ที่จังหวัดนครราชสีมานั้น มีจุดประสงค์เพื่อต้องการไปยึดคืนที่ดินตามคำสั่ง คสช.ที่ 36/2559 โดยแท้จริง เพราะที่จังหวัดนครราชสีมา นั้นมีที่ดินที่ต้องยึดคืนมากกว่าจังหวัดกาญจนบุรีหลายเท่า แต่สุดท้ายตนก็ยังเป็นห่วงการยึดคืนที่ดินในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ เพราะเมื่อไตรตรองแล้ว พบว่า ที่ผ่านมายังดำเนินการไม่บรรลุเป้าหมายตามที่เกษตรกรต้องการ ดังนั้น ตนจึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และขออยู่ดำรงตำแหน่ง ส.ป.ก.กาญจนบุรีจนกว่าจะเกษียณ ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็เข้าใจเป็นอย่างดี โดยหลังจากนี้ ส.ป.ก.กาญจนบุรี จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI ต่อไป