อุบลราชธานี - ครูและนักเรียนโรงเรียนหนองคู อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี สุดทนถนนทางเข้าหมู่บ้านและโรงเรียนเสียหายหนัก ไม่รองบประมาณรัฐ คว้าจอบ เสียม กระบุง ช่วยกันซ่อมแซม หวังประทังใช้งานไปให้ถึงเปิดเทอมหน้า
จากสภาพถนนลาดยางที่ผ่านหมู่บ้านและโรงเรียนบ้านหนองคู ต.โนนโหนน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อนับพันหลุม ยานพาหนะที่แล่นผ่านจุดดังกล่าว ต้องขับรถวกไปวนมาเพื่อเลี่ยงหลบหลุมที่มีอยู่จำนวนมาก กว่าจะแล่นผ่านไปได้ต้องใช้เวลานาน รวมทั้งยังทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้นายธีรยุทธ อุทธา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองคู (โสภณประชานุกูล) ชักชวนนักเรียน คณะครูและชาวบ้านในชุมชนร่วมกันนำดินเหนียวมาเทกลบหลุม ซ่อมแซมถนนที่เป็นหลุมบ่อและลดการเกิดอุบัติเหตุที่บ่อยบริเวณนี้
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองคูกล่าวว่า ถนนสายดังกล่าวเป็นทางเชื่อมระหว่างตำบลโนนโหนนไปตำบลโคกก่อง ก่อนเข้าตัวอำเภอวารินชำราบ เป็นเส้นทางที่ใช้ขนผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านส่งเข้าไปขายในตลาดทำให้มีการจราจรหนาแน่น แต่ถนนเกิดชำรุดมานานกว่า 5 ปี ไม่เคยได้รับการซ่อมแซม จึงทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ยังไม่ได้รับความสนใจ นักเรียนต้องทนใช้ถนนในสภาพเสี่ยงเกิดอุบัติได้
กระทั่งนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มีนโยบายให้ชุมชนสามารถซ่อมแซมถนนที่พังเสียหายได้ โดยไม่ต้องรอหน่วยงานราชการ จึงชักชวนคณะครู นักเรียน และชาวชุมชนในตำบลมาร่วมกันนำดินเหนียวมาถมปิดหลุมให้พอใช้การไปได้ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2559 ในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ด้านเด็กหญิงศุภนิดา ดวงนอก ประธานนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองคู เล่าว่า ในช่วงหน้าฝนตนและเพื่อนนักเรียนได้รับความลำบากในการเดินทางมาโรงเรียน เพราะมีน้ำขังตามหลุมถนน บางครั้งมีรถแล่นผ่านน้ำก็จะกระเด็นมาถูกชุดนักเรียนเปรอะเปื้อน จึงต้องการให้ส่วนราชการสนับสนุนงบประมาณมาซ่อมแซม หรือสร้างให้ใหม่ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนประผู้ใช้ถนนทุกคน
นายณรงค์ บุญญะศรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ถนนสายดังกล่าวองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับโอนมาจากกรมทางหลวงชนบทเมื่อหลายปีก่อน และมีสภาพชำรุดทรุดโทรม จึงได้นำเรื่องเข้าหารือกับผู้บริหาร เพื่อของบประมาณมาสร้างใหม่ แต่ได้รับเพียงส่งเครื่องจักรกลมาซ่อมแซมให้พอใช้การได้ เมื่อเวลาผ่านไปถนนที่เป็นเส้นทางขนส่งผลผลิตของเกษตรกร 2 ตำบลกว่า 20 หมู่บ้าน ซึ่งถูกใช้งานหนักก็พังเสียหายอีก ตนจะได้นำความเดือดร้อนนี้เข้าอภิปรายในสภาจังหวัดเพื่อให้ผู้บริหารจัดสรรงบประมาณมาสร้างถนนใหม่ให้แก่ชาวบ้านด้วย