ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เฮรับปิดเทอม สวนสัตว์เชียงใหม่ได้สมาชิกใหม่ ลูกนกกระเรียนมงกุฎเทา เกิดใหม่เพิ่งฟักออกจากไข่ 2 ตัว นับเป็นความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ครั้งที่ 3 ในรอบ 18 ปี เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ปิดเทอมเข้าชมได้แล้ว
วันนี้ (5 ต.ค. 59) นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้สวนสัตว์เชียงใหม่ได้รับสมาชิกเกิดใหม่เป็นนกกระเรียนมงกุฎเทา (Grey crowned crane) หรือนกกระเรียนหงอนพู่ ที่เพิ่งฟักออกจากไข่เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 59 จำนวน 2 ตัว และเปิดจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวชมเป็นครั้งแรกในวันนี้ที่สวนชมนกนครพิงค์ ต้อนรับช่วงปิดภาคเรียนของเด็กนักเรียน โดยเบื้องต้นลูกนกทั้งสองตัวมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่ยังไม่ทราบเพศ เนื่องจากพ่อและแม่นกแสดงอาการหวงและไม่ยอมให้เข้าใกล้
ทั้งนี้ ลูกนกที่เกิดใหม่ในครั้งนี้จำนวน 2 ตัวนับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 18 ปี ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์นกกระเรียนมงกุฎเทา หลังจากในปี 2558 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ 2 ครั้ง ได้ลูกนกครั้งละ 2 ตัว ซึ่งลูกนกที่เกิดใหม่ล่าสุดจำนวน 2 ตัวในครั้งนี้ทำให้ปัจจุบันสวนสัตว์เชียงใหม่มีนกกระเรียนมงกุฎเทารวมทั้งสิ้น 13 ตัว โดยเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจ โดยเฉพาะนักเรียนในช่วงปิดเทอมสามารถเข้าชมได้ที่สวนชมนกนครพิงค์
สำหรับนกกระเรียนหงอนพู่หรือนกกระเรียนมงกุฎเทา (Grey crowned crane) เป็นนกในวงศ์นกกระเรียน พบในทุ่งหญ้าสะวันนาในทวีปแอฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮารา ทำรังในพื้นที่เปียกชื้น ไม่ใช่นกอพยพ ลักษณะลำตัวถือเป็นนกขนาดใหญ่ บนหัวมีหงอนพู่เป็นเส้นตรงสีขาวนวล โคนหงอนอยู่ตรงท้ายทอยเป็นกระจุก ปลายบานออกเป็นทรงกลม หน้าผากถึงโคนจมูกมีขนละเอียดสีดำสนิทเป็นก้อนเหมือนกำมะหยี่ แก้มทั้งสองข้างเป็นหนังสีแดงมีแต้มขาวอยู่ตอนบน คอ หน้าอก หลัง หาง และท้องสีดำ ปีกครึ่งหน้าสีขาว ครึ่งหลังสีน้ำตาลแดง ปลายปีกดำ ขายาวสีเทาแก่ ทั้งสองเพศมีลักษณะคล้ายกัน เพศผู้ตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย
นกวัยอ่อนมีสีเทามากกว่านกที่โตเต็มวัยกับมีขนสีน้ำตาลอมเหลืองที่หน้า ด้านพฤติกรรมนั้น มีการจับคู่ผสมพันธุ์ที่ประกอบไปด้วยการเต้นรำ การก้มตัว และการกระโดด มันเปล่งเสียงร้องจากการขยายตัวของถุงลมสีแดงที่คอทำให้เสียงร้องของมันต่างจากเสียงคล้ายแตรของนกกระเรียนชนิดอื่น และยังเป็นนกที่มีสายตาไกล และไวมาก ชอบอยู่เป็นฝูงหากินตามทุ่งกว้างที่มีน้ำและกอหญ้าหรือบึงหนองในป่าที่ห่างไกลผู้คน นกกระเรียนหงอนพู่ต่างจากนกกระเรียนชนิดอื่นตรงที่มันอาจบินไปเกาะตามกิ่งไม้สูงๆ
การสร้างรังจะสร้างจากหญ้าและพืชอื่นๆ ในพื้นที่ชุ่มน้ำ นกกระเรียนมงกุฎเทาวางไข่ครั้งละ 2-5 ฟอง พ่อและแม่ช่วยกันฟักไข่และใช้เวลา 28-31 วันจึงฟักเป็นตัว ลูกนกขนจะขึ้นเต็มที่ใน 56-100 วัน มีความสูงประมาณ 1 เมตร หนัก 3.5 กิโลกรัม ขนลำตัวเป็นสีเทา ปีกมีสีขาวเด่น ที่หัวมีพู่ขนแข็งสีทอง แก้มสีขาว มีถุงลมที่คอสีแดง ปากสั้นสีเทา และขาสีดำ นกกระเรียนหงอนพู่กินเมล็ดพืช ผัก ผลไม้ หอย ปู ปลา และแมลงต่างๆ ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นอาหาร
อีกทั้งยังเป็นนกประจำชาติของประเทศยูกันดา ปรากฏอยู่ในธงชาติและตราแผ่นดินด้วย สำหรับในประเทศไทย นกกระเรียนมงกุฎเทา หรือนกกระเรียนหงอนพู่มีจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่