พิจิตร - ตามส่องบทเรียนโครงการเกษตรแปลงใหญ่เมืองชาละวัน ล่าสุดรัฐหนุนแจ้งเกิดแล้ว 6 แปลง เนื้อที่กว่าหมื่นไร่ แต่ชาวนาในโครงการมีทั้งรุ่ง ทั้งร่วง บางรายขายข้าวได้ตันละหมื่นกว่า แต่บางรายขายได้แค่ 6 พันกว่าบาท/ตัน แทบไม่คุ้มทุน
วันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า โครงการเกษตรแปลงใหญ่พิจิตร ที่มีหน่วยงานราชการให้การดูแลและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้เป้าหมายลดต้นทุน-เพิ่มผลผลิต มีตลาดรับซื้อในราคาสูงกว่าท้องตลาด 200-500 บาท/ตัน ว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทำนาเกษตรแปลงใหญ่ 6 แปลง เกษตรกร 417 ราย พื้นที่ 10,712 ไร่
ล่าสุดขณะนี้ชาวนาในโครงการฯ เริ่มเก็บเกี่ยวข้าวขายให้กับโรงสีที่ทำข้อตกลงรับซื้อไว้แล้ว นอกจากนี้ก็มีกลุ่มทำนาเพื่อขายเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ด้วยเช่นกัน
นายสมบัติ พรเกษมพงษ์ ชาวนาหมู่ 5 ตำบลวังโมกข์ อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ทำนา 14 ไร่เพื่อขายเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ต้นทุนไร่ละ 3,972 บาท เกี่ยวข้าวได้ผลผลิต 17 ตันเศษ หรือไร่ละ 1,220 กิโลกรัม นำข้าวเปลือกดังกล่าวไปขายเป็นพันธุ์ข้าวปลูกได้ในราคาตันละ 10,200 บาท ยืนยันว่าประสบความสำเร็จและพึงพอใจที่ได้เข้าร่วมโครงการ
อย่างไรก็ตาม มีชาวนาบางคนที่เข้าร่วมโครงการปลูกข้าวแบบเกษตรแปลงใหญ่ แต่ปรากฏว่าผลผลิตข้าวเปลือกไม่ผ่านมาตรฐาน มีสิ่งเจือปน ข้าวดีด ข้าวเด้ง และเมล็ดวัชพืชเจือปน รวมถึงมีข้าวเม็ดแดงปลอมปน จึงขายได้แค่ตันละ 6,000-6,500 บาท ต่างก็บ่นว่าทำตามหลักแล้ว แต่ข้าวยังไม่ผ่านมาตรฐาน แถมลงทุนสูง ทุ่มเททั้งกายใจ เมื่อขายข้าวแล้วแทบไม่เหลืออะไรเลย
ซึ่งขณะนี้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่างหาทางแก้ไข รวมถึงหาวิธีการพัฒนาต่อยอดให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ให้บรรลุเป้าหมายต่อไป