เพชรบุรี - ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 จังหวัดเพชรบุรี อนุมัติเพิ่มข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และพยายามฆ่า” 3 ผู้ต้องหา “รุสลัน ใบมะ - อัสมีน กาเต็มมาดี - นายเสรี แวมามู” ที่ร่วมกันวางระเบิด และวางเพลิงเมืองหัวหินก่อนหน้านี้ หลัง “ศรีวราห์” หอบพยานหลักฐานขอเพิ่มข้อหา
วันนี้ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.50 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ ได้นำพยานหลักฐานเข้ายื่นต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 15 จังหวัดเพชรบุรี เพื่อขอให้พิจารณาอนุมัติออกหมายจับข้อหา “ฆ่าผู้อื่น” ต่อผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ราย กรณีร่วมกันก่อเหตุวางระเบิด และวางเพลิงในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวหลายราย
ประกอบด้วย 1.นายรุสลัน ใบมะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 5 ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา 2.นายอัสมีน กาเต็มมาดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ซ.5 ถ.นาเกลือ ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี และ 3.นายเสรี แวมามุ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 6 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ในข้อหาร่วมกันมีหรือใช้วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น
จนกระทั่งเวลา 12.35 น. ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 จังหวัดเพชรบุรี ได้อนุมัติในการขอเพิ่มข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยไต่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ร่วมกันมีและวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และเป็นอั้งยี่ ต่อผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 3 ราย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าวันนี้นำพยานหลักฐานมาขอออกหมายจับเพิ่มข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่า ซึ่งเป็นการเพิ่มข้อหาให้กับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่เคยออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งก่อเหตุในพื้นที่อำเภอหัวหิน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าคดีจะต้องมีความคืบหน้าและไม่ตันอย่างแน่นอน ส่วนผู้กระทำความผิดที่ยังคงหลบหนี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการประสานความร่วมมือเพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีและได้เพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันเหตุ จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้วิตกวังวนและใช้ชีวิตตามปกติ หากมีข้อมูลหรือเบาะแสคนร้ายขอความร่วมมือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบได้ทั้งที่สถานีตำรวจ ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจภูธรภาค หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ