นครพนม - หนุ่มนครพนมขับเก๋งเหลือแค่กิโลฯ เดียวจะถึงบ้าน เร่งแซงคันอื่นไม่พ้น ประสานงารถบรรทุกพ่วง 18 ล้อที่วิ่งสวนมา ดับคาซาก 4 ศพ บนถนนสาย 22 ขาออกเมืองนครพนม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.50 น. คืนวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ทรงกลด อุปฮาด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อชนกับรถเก๋งมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในพื้นที่ ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม รุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.นครพนม กู้ชีพ อบต.กุรุคุ กู้ชีพ อบต.บ้านผึ้ง กู้ภัยนครพนม และเจ้าหน้าที่ ปภ.นครพนม
ที่เกิดเหตุบนถนนหมายเลข 22 สายนครพนม-อุดรธานี ฝั่งขาออกตัวเมือง บ.หนองหญ้าไซ หมู่ 7 หลัก กม.ที่ 213-214 หน้าบริษัท บุญทะพานฟาร์ม จำกัด พบรถบรรทุกสิบล้อยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียนหัวลาก 70-0808 นครพนม ทะเบียนลูกพ่วง 70-0808 นครพนม ตกคลองริมถนนดังกล่าว พบกระจังหน้ารถหลุดออก ด้านข้างตัวรถเขียนระบุบรรทุกพืชผลทางการเกษตร และมีสติกเกอร์รูปโดเรม่อนบินติดอยู่ ส่วนคนขับเปิดประตูรถหลบหนีไปในความมืด
ใกล้กันพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์ ทะเบียน กบ 9914 เชียงใหม่ สภาพกระจังหน้ารถพัง หม้อน้ำแตก กระจกแตกละเอียดสภาพยับเยินทั้งคัน จอดแน่นิ่งริมไหล่ทางท้ายเกยกับต้นประดู่ ในซากรถพบศพนายวิวัฒน์ ต้นปรึกษา วัย 30 ปี คนขับ เบาะข้างคนขับพบศพนางมัทนียา บุญมาวงษา อยู่บ้านเลขที่ 66 ถ.อภิบาลบัญชา ต.หนองแสง อ.เมืองนครพนม เบาะหลังคนขับ พบศพนายพิษณุ พรมมาลุน อายุ 27 ปี และ น.ส.ยุธิดา เพ็งที อายุ 29 ปี สภาพศพทั้ง 4 รายเสียชีวิตคาที่
หลังเกิดเหตุโดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องประสานเครื่องตัดถ่างจาก ปภ.นครพนม และเทศบาลเมืองนครพนม มาช่วยงัดร่างออกอย่างทุลักทุเล ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถลำเลียงศพออกจากตัวรถได้ทั้งหมด
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อขับออกจากตัวเมืองนครพนม ขณะมาถึงที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า ที่มีนายวิวัฒน์เป็นคนขับมุ่งหน้ามาจาก จ.สกลนคร แซงรถคันอื่นที่วิ่งมา แต่หลบเข้าช่องจราจรตัวเองไม่ทัน ก่อนจะถึงบ้านแค่ 1 กิโลเมตรเศษ กระทั่งชนเข้าอย่างจังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากดังกล่าว ซึ่งจะได้สอบสวนสาเหตุอย่างละเอียดให้แน่ชัดอีกครั้ง
ซึ่งบริเวณเกิดเหตุเป็นเนินประกอบกับมืดมาก และช่องจราจรแคบ อีกทั้งไม่มีไฟส่องสว่าง หลังเกิดเหตุได้มีนางคำแปลง พรมมาลุน วัย 48 ปี ชาว บ.ด่านเก่า ได้มาพบเห็นศพนายพิษณุ บุตรชายคนโตวัย 27 ปี ที่เจ้าหน้าที่กู้ศพออกจากซากรถเป็นรายแรก ได้ร้องห่มร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ โดยมีน้องชายผู้ตายมาโอบกอดศพก่อนหน้านี้ เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก