ชัยภูมิ- พี่ชายยันไม่เคยทอดทิ้ง เสี่ย 100 ล้านชัยภูมิ ตกอับเร่ขอทานนอนวัด-รพ. ให้เงินช่วยเหลือแลดูแลตลอด เผยไปขอทานเร่ร่อนอาศัยนอนวัดและรพ. เหตุติดสุราหนักเที่ยวเตร่จนป่วยโรคเส้นเลือดสมองตีบ สุดท้ายเป็นอัมพฤกษ์แต่ไม่ยอมรักษา ยังดื่มเหล้า-เที่ยวเตร่ประชดชีวิตเองไม่เลิก ชี้ญาติพร้อมให้โอกาสและต้องการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวไปบำบัดเปลี่ยนพฤติกรรมยินดีจ่ายให้ทุกเดือน
วันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีนี้ประชาชนในย่านตลาดแก้งคร้อ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ พบชายสูงอายุถือไม้เท้าพยุงร่างกายเดินทุลักทุเลเนื่องจากแขนขาข้างซ้ายพิการ เดินเร่ร่อนขอเงินขออาหารอยู่ในตลาด อ.แก้งคร้อ เป็นประจำ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ และสำนักงานหน่วยงานพัฒนาสังคมและเพื่อความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ชัยภูมิ เพื่อให้ความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา
ต่อมา นายสุพัฒน์ ทิพลักษณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย น.ส.กิติตมา บุญโนนแต้ นักพัฒนาสังคมสงเคราะห์ ได้เดินทางมาร่วมสอบถามจึงทราบชื่อชายเร่ร่อน คือ นายสุทธิลักษณ์ หรือ “เฮียเล็ก” เลิศวานิชย์กุล อายุ 51 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 742/1 ม.9 ต.ช่องสามหมอ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ อดีตเศรษฐี 100 ล้าน บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่และเป็นพี่น้องกับนักการเมืองท้องถิ่นตระกูลดัง ซึ่งได้แยกทางกับภรรยาครอบครัวมากว่า 5 ปี ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองตีบ ความดัน เบาหวานและติดเหล้าหนัก สุดท้ายกลายเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัวเดินเหินไม่สะดวก เบื้องต้นทางพัฒนาสังคมและเพื่อความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยภูมิได้รับตัวไว้ในความดูแลของศูนย์คนไร้ที่พึ่งไว้ก่อนนั้น
ล่าสุด นายโสภณ รอดชาติครับ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นทางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ที่พัก อาหาร ยารักษาโรคและที่นอนที่อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเพื่อรักษาสุขภาพป้องกันโรคแทรกซ้อน ซึ่งนายสุทธิลักษณ์ หรือ “เฮียเล็ก” มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี และพร้อมจะกลับไปอยู่กับภรรยาและลูกเหมือนเดิมหากเป็นไปได้ ซึ่งทาง พมจ.ชัยภูมิ จะได้ปรึกษาหารือกับ นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล นายอำเภอแก้งคร้อ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งประสานกับญาติและภรรยาของ “เสี่ยเล็ก” อดีตเศรษฐี 100 ล้าน ในแนวทางการรักษาบำบัดโรคสุรา และแก้ไขปัญหาภายในครอบครัวและญาติ ในวันจันทร์ที่ 26 ก.ย.นี้
ด้านนายอัฎฐพล เลิศวานิชย์กุล หรือ “เสี่ยเฒ่า” อายุ 53 ปี เจ้าของโรงงานผลิตและจำหน่ายที่นอน ยี่ห้อชัยแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ 742 ม.1 ถนนภูเขียว-ชัยภูมิ พี่ชายนายสุทธิรักษ์ หรือ “เฮียเล็ก” เปิดเผยว่า กรณีที่น้องชายคือนายสุทธิรักษ์ หรือเสี่ยเล็ก ระบุว่าถูกญาติพี่น้องทอดทิ้งนั้นไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อก่อนนายเล็ก น้องชายเป็นคนชอบดื่มสุราหนักและเที่ยวเตร่ จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2555 นายเล็กเริ่มเจ็บป่วยด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบจนต้องเข้ารับการรักษา จนกระทั่งออกมาจากโรงพยาบาล สุดท้ายได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์แขนขาข้างซ้ายอ่อนแรง ครอบครัวและภรรยาเองไม่ได้ทอดทิ้ง
แต่ที่นายเล็กต้องเร่ร่อนไปอาศัยวัดหรือโรงพยาบาลนอนนั้น เพราะว่านายเล็กเองไม่ยอมเลิกพฤติกรรมการดื่มเหล้าและเที่ยวเตร่ ถึงแม้เจ็บป่วยก็ไม่เคยคิดรักษาตัวเอง เช่น หมอนัดทำกายภาพบำบัดก็ไม่เคยไปแม้แต่ครั้งเดียว ถึงภรรยาและลูกๆ เคี่ยวเข็ญก็ไม่ใส่ใจ จนเมื่อปี 2556 นายเล็กแอบขายที่ดินไปหนึ่งแปลงได้เงินประมาณเกือบ 2 แสนบาท นำเงินเช่าโรงแรมนอนนานกว่าครึ่งปีและนำไปเที่ยวเตร่และดื่มเหล้าจนเงินหมดไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรมจนต้องโดนไล่ออก ภรรยาทนไม่ไหวจึงไม่ให้เข้าบ้าน
จากนั้นนายเล็กกลับมาอยู่กับตนที่โรงงานที่นอน แต่ด้วยนายเล็กเองชอบดื่มเหล้าจึงได้เช่าบ้านใกล้ๆ โรงงานให้นายเล็กอยู่ลำโดย มีแม่บ้านทำอาหารไปส่งประจำ ต่อมาไม่นานนายเล็กหนีไปอยู่วัดแห่งหนึ่งละแวกบ้าน แต่โดนเจ้าอาวาสเชิญออกจากวัดเพราะนายเล็กชอบดื่มเหล้าภายในวัดและส่งเสียงดังจนต้องกลับมาอาศัยอยู่กับตนอีกครั้ง
นายอัฎฐพลกล่าวต่อว่า จากนั้นนายเล็กยังมีพฤติกรรมดื่มเหล้าเหมือนเดิม โดยจะขอเงินตนวัน4-5ร้อยบาท เพื่อไปซื้อสุราราคาแพงมาดื่มทุกวัน แรกๆ ตนก็ให้แต่ต่อมาไม่ไหว จนล่าสุดก่อนที่นายเล็กจะเร่ร่อนไปขอเงินชาวบ้านและนอนตามโรงพยาบาล นั้นเมื่อปี2557นายเล็กได้แอบขายที่ดินอีกหนึ่งแปลงได้เงินจากการขายที่ดินประมาณ 3 แสนบาท หลังจากได้เงินก็เหมารถตู้ไปเที่ยวเตร่ตามโรงแรมหรูๆ เพียง 3 วัน เงินหมดสุดท้ายทางครอบครัวของภรรยาสั่งห้ามเข้าบ้านเด็ดขาดและขอแยกทางตั้งแต่นั้น
หลังจากแยกทางกับภรรยา ไม่มีที่อยู่กลับมาอยู่กับตนบ้างแต่อยู่ไม่นานเพราะตนไม่ยอมให้เงินไปซื้อเหล้าเหมือนเดิมจนหนีออกจากบ้านอีกครั้งโดยไปอาศัยนอนตามโรงพยาบาล อย่างถาวรแต่ยังมาขอข้าวขอเงินตนที่ร้านทุกวันๆ ละ 50-100 บาท เพื่อนำไปซื้อเหล้าดื่มสุดท้าย ซึ่งตนได้ลดให้เงินลงมาเหลือวันละ 20-30 บาท ในเมื่อได้เงินน้อยลงจึงเริ่มขอเงินจากคนรู้จักในตลาดจนชาวบ้านเอือมระอา
“อยากให้ทางราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวน้องชายไปบำบัด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยยินดีที่จะจ่ายเงินค่าดำเนินการให้ทุกเดือน” นายอัฎฐพล หรือ “เสี่ยเฒ่า” กล่าวในตอนสุดท้าย
