xs
xsm
sm
md
lg

ระทึกกรุงเก่า! โรงเก็บพลุระเบิดบ้านพังยับ 3 หลัง โชคดีไม่มีเจ็บและตาย (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พระนครศรีอยุธยา - ระทึก! โรงเก็บพลุ “สมคอยไฟร์เวอร์ค” ในพื้นที่อำเภออุทัย พระนครศรีอยุธยา ระเบิดบ้านเรือนพังเสียหาย 3 หลัง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต คาดอาจเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อน จนท.ตรวจสอบพบจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าของเผยเมื่อหลายปีก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์พลุระเบิดแล้ว 1 ครั้ง



เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (11 ก.ย.) ร.ต.อ.สายันณ์ อินลวง รอง สว.สอบสวน สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุพลุระเบิด และมีบ้านเรือนประชาชนเสียหายหลายหลัง ที่บ้านเลขที่ 21/2 หมู่ 4 ต.บ้านช้าง อ.อุทัย จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัครกู้ภัยไปยังจุดที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารชั้นเดียว สร้างเป็นห้องติดกัน จำนวน 8 ห้อง ไว้สำหรับเก็บพลุ ดอกไม้ไฟ และอุปกรณ์การทำพลุไว้สำหรับงานพิธีต่างๆ ได้ถูกแรงระเบิดจนได้รับความเสียหายทั้งหลังและเกิดไฟลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องเร่งช่วยกันดับไฟที่ลุกไหม้ตัวโรงเก็บพลุ โดยได้นำรถดับเพลิงจากสถานีใกล้เคียง จำนวน 5 คัน มาช่วยกันดับเพลิง ใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงจึงสามารถระงับเพลิงไว้ได้

นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้บ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบได้รับความเสียหายอีกรวม 3 หลังคาเรือน เบื้องต้น ไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

จากการสอบถาม นายสมพร จันทรินทร์ เจ้าของโรงเก็บพลุให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตน และลูกสาวได้พักอยู่ที่บนบ้านซึ่งอยู่ข้างๆ กับโกดังเก็บพลุ อยู่ๆ พลุก็ได้เกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ สำหรับโรงเก็บพลุดังกล่าวได้เปิดกิจการมาแล้วกว่า 22 ปี มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้ชื่อ “สมคอยไฟร์เวอร์ค” ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์พลุระเบิดในลักษณะนี้มาแล้ว 1 ครั้ง

สำหรับสาเหตุของการเกิดพลุระเบิดในครั้งนี้ เบื้องต้น ยังไม่ทราบแน่ชัดเนื่องจากห้องเก็บพลุแห่งนี้มีไว้เพื่อเก็บพลุเท่านั้นไม่ได้มีการดำเนินการผลิตแต่อย่างใด ภายในห้องก็ไม่มีระบบไฟฟ้า และในช่วงเวลาที่เกิดเหตุก็ไม่มีผู้คนอยู่ คาดว่าอาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่ร้อน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบถึงสาเหตุ และความเสียหายอีกครั้ง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นพื้นที่บริเวณรอบจุดเกิดเหตุไม่ให้ผู้ใดเข้าไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นมาในภายหลัง รอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น